วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
以下เป็นคำแปลข้อความภาษาจีนเป็นภาษาไทย:
**กลอุบายที่ 35: อุบายแหวนลูกโซ่ (连环计)**
"เมื่อข้าศึกมีแม่ทัพมากและไพร่พลมหาศาล อย่าฝ่าไปต่อกร
จงทำให้ศัตรูสร้างความยุ่งยากให้ตัวเอง เพื่อทำลายพละกำลังของพวกเขา
การที่แม่ทัพอยู่ในกองทัพย่อมเป็นมงคล (在师中吉)
เพราะได้รับพรจากฟ้า (承天宠也)①"
**หมายเหตุ①:**
"ในศึกได้อยู่ท่ามกลางกองทัพ เป็นมงคลเพราะรับพรจากสวรรค์"
ข้อความนี้มาจากคัมภีร์อี้จิง (易经) ตำราหลักปรัชญาจีน
คำอธิบายในเซี่ยงซือ (象辞) ระบุว่า:
"แม่ทัพอยู่ในกองทัพจึงเป็นมงคล เพราะได้รับพรจากสวรรค์"
หมายถึงเมื่อแม่ทัพบัญชาการในสมรภูมิโดยตรง
ย่อมได้รับชัยชนะด้วยพรแห่งสวรรค์
**คำอธิบายเพิ่มเติม:**
- "使其自累" แปลว่า "ทำให้ศัตรูก่อความลำบากด้วยตัวเอง"
- "以杀其势" แปลตรงตัวว่า "เพื่อฆ่าพลังของเขา"
- "承天宠也" แปลเป็นไทยว่า "ได้รับพรจากฟ้า" โดยคงความหมายเชิงศาสตรปรัชญาจีนเดิม
- 保留《易经》原名โดยใช้คำว่า "อี้จิง" พร้อมวงเล็บภาษาจีน
- ใช้ศัพท์ทางทหารไทยเช่น "แม่ทัพ", "ไพร่พล", "พละกำลัง"
- คำว่า "连环计" แปลเป็น "อุบายแหวนลูกโซ่" เพื่อสื่อถึงกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกันเป็นทอดๆ
以下为泰语翻译:
"การตีความหลักสัญลักษณ์นี้ชี้ว่า
เมื่อแม่ทัพใช้กลยุทธ์นี้อย่างแยบยลจนพิชิตข้าศึกได้
ย่อมเสมือนหนึ่งได้รับอานุภาพปกป้องจากสวรรค์"
**คำอธิบายการแปล:**
1. "此象理" → "หลักสัญลักษณ์นี้" (指《易经》中的卦象原理)
2. "巧妙地运用" → "ใช้อย่างแยบยล" (突出"精妙运用"之意)
3. "上天护佑" → "อานุภาพปกป้องจากสวรรค์" (保留"天"的神圣性,比直译"保佑"更符合兵法语境)
4. ใช้คำว่า "พิชิตข้าศึกได้" แทน "克敌制胜" เพื่อความลื่นไหล
5. "就如同...一样" → "เสมือนหนึ่ง" (文言式比喻更契合原文风格)
**补充说明:**
本句承接前文对《易经》"承天宠也"的阐释,强调此计的精髓在于:
- 通过多重策略使敌人自我消耗 (使其自累)
- 统帅的指挥艺术达到"天人合一"境界时
- 便能以智取胜,宛若天助 (承天宠/上天护佑)
**例:** 赤壁之战中周瑜"连环计"(铁索连船+火攻)即为典型运用
以下为泰语翻译:
**คำอธิบายโบราณบันทึกไว้ว่า:**
"ดังเช่นเมื่อปังทองใช้กลยุทธ์ล่อให้โจโฉเชื่อมต่อเรือรบเป็นพื้้นเดียวกัน
แล้วจึงจุดไฟโจมตีจนหนีไม่พ้น
อุบายแหวนลูกโซ่นี้จึงสรุปได้ว่า
แก่นแท้อยู่ที่ทำให้ข้าศึกก่อภาระตนเอง (使敌自累)
แล้วจึงกำจัดในภายหลัง
กล่าวคืออุบายแรกสร้างความหนักหน่วง
อุบายที่สองจึงโจมตี
สองกลยุทธ์ประสานกัน (两计扣用)
เพื่อทำลายกำลังอันเหนือกว่า"
**ตัวอย่างประวัติศาสตร์:**
"ดังที่ไป่จ้ายวี้ (毕再遇) แม่ทัพราชวงศ์ซ่ง
เคยล่อข้าศึกด้วยการรบแบบถอยเป็นระยะ
กระทำเช่นนี้หลายครั้งจนถึงเวลาเย็น
จึงโปรยเม็ดถั่วดำต้มสมุนไพร (香料煮黑豆) ลงบนดิน
แล้วรบต่อไปก่อนแสร้งทำเป็นแตกพ่าย
เมื่อข้าศึกไล่ตามม้าที่หิวจึงกินถั่วมีกลิ่นหอม
เฆี่ยนแส้ก็ไม่ยอมไป
ไป่จ้ายวี้จึงพลิกนำทัพกลับโจมตี
ได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง"
*(บันทึกใน "ยุทธวิธีแม่ทัพเอกผ่านยุคสมัย - ราชวงศ์ซ่ง")*
**สรุป:**
"เหตุการณ์ดังกล่าวล้วนเป็นรูปแบบของอุบายแหวนลูกโซ่ (连环之计)"
**หมายเหตุการแปล:**
1. ศัพท์เฉพาะ:
- "应统" → แก้เป็น **"ปังทอง"** (庞统) ตามบริบทประวัติศาสตร์
- "且前且却" → **"รบแบบถอยเป็นระยะ"** (สลับรุกและถอย)
- "鞭之不前" → **"เฆี่ยนแส้ก็ไม่ยอมไป"** (สื่อภาพม้าหยุดกินถั่ว)
2. กลวิธี:
- "两计扣用" → **"สองกลยุทธ์ประสานกัน"** (ใช้คำว่า "ประสาน" เน้นการทำงานร่วมกัน)
- "以摧强势" → **"เพื่อทำลายกำลังอันเหนือกว่า"** (คงความหมายเชิงเปรียบเทียบ)
3. การอ้างอิง:
- 保留书名号《》为 **เครื่องหมายวงเล็บ书名** พร้อมระบุแหล่งที่มา
4. ธรรมชาติภาษา:
- ใช้คำว่า **"แสร้งทำเป็น"** (佯) และ **"พลิกนำทัพกลับ"** (率师反攻) เพื่อความคล่องแคล่ว
以下为泰语翻译:
**คำอธิบายเชิงยุทธศาสตร์:**
"คำอธิบายโบราณยกตัวอย่างการศึกของปังทองและไป่จ้ายวี้
เพื่อแสดงให้เห็นแก่นแท้ของอุบายแหวนลูกโซ่
นั่นคือกลยุทธ์แรกสร้างภาระ (一计累敌)
กลยุทธ์หลังจึงโจมตี (一计攻敌)
สองยุทธวิธีประสานเป็นวงจร (两计扣用)
**การตีความ "ก่อภาระตนเอง" (自累) ระดับสูง:**
หัวใจสำคัญอยู่ที่การทำให้ข้าศึก "ก่อภาระตนเอง"
โดยต้องเข้าใจคำว่า "使其自累" ในมิติลึกซึ้งกว่าเดิม
แม้อุบายต่อเนื่องหลายตาจะถูกเรียกเป็น "กลยุทธ์ลูกโซ่"
แต่บางโอกาสจำนวนไม่สำคัญเท่า **"คุณภาพการประยุกต์ใช้"**
**หลักการเชิงรุก:**
วิธีการ "使敌自累" นี้สามารถมองเป็น
การทิ้ง **"ภาระทางยุทธศาสตร์"** (战略上包袱) ให้ข้าศึก
โดยพวกเขาจะ:
1. ควบคุมตัวเองด้วยตัวเอง (自己牵制自己)
2. แนวรบยืดยาวเกินไป (战线拉长)
3. กระจายกำลังพล (兵力分散)
从而为集中兵力各个击破创造有利条件
เปิดช่องให้กองทัพเรา:
• รวมกำลังโฟกัสจุดอ่อน (集中兵力)
• โจมตีเป็นจุดๆ อย่างได้เปรียบ (各个击破)
**บทสรุปปรัชญาการรบ:**
นี่คือการตีความเชิงยุทธศาสตร์ (谋略思想上的反映)
ที่แฝงอยู่ใน "อุบายแหวนลูกโซ่"
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. การคงแนวคิดหลัก:
- "背上包袱" → **"ทิ้งภาระทางยุทธศาสตร์"** (ใช้ศัพท์ทหารแทนการแปลตรงตัว)
- "自己牵制自己" → **"ควบคุมตัวเองด้วยตัวเอง"** (เน้นภาวะติดกับดัก)
2. การสื่อสารยุทธศาสตร์:
- "战线拉长" แปลเป็น **"แนวรบยืดยาว"** (ศัพท์วิชาการ)
- "集中兵力各个击破" → แยกเป็นสองส่วน **"รวมกำลังโฟกัสจุดอ่อน" + "โจมตีเป็นจุดๆ"**
3. การยกระดับภาษา:
- "更高层次" → **"มิติลึกซึ้งกว่าเดิม"** (avoid คำว่า "ระดับสูง" ที่อาจทำให้เข้าใจผิด)
- "谋略思想上的反映" → **"การตีความเชิงยุทธศาสตร์"** (คงความหมายเชิงปรัชญา)
4. การเชื่อมโยงบริบท:
- 保留关键术语如 "连环计" → **"อุบายแหวนลูกโซ่"** (ตามคำแปลก่อนหน้าทั้งหมด)
- อ้างอิงชื่อบุคคล **"ปังทอง/ไป่จ้ายวี้"** ให้ตรงกับตัวอย่างประวัติศาสตร์เดิม
**注:** 本段揭示连环计的本质是"制造系统性困境",而非单纯计谋叠加,译文通过军事术语分层呈现这一战略思想。
以下为泰语翻译:
**คำอธิบายโบราณยังกล่าวเสริมว่า:**
"นักกลยุทธ์ทั้งปวงย่อมไม่ใช้กลยุทธ์เดี่ยว (非一计之可孤行)
ต้องมีแผนซ้อนหลายชั้นเสริมกำลังกัน (...必有数计以襄之也)
...
故此จอมทัพผู้ชำนาญ (善用兵者) ต้อง:
• ใช้กลยุทธ์ที่ **ปฏิบัติได้จริง** (行计务实施)
• ใช้เล่ห์เหลี่ยมก็ต้อง **ป้องกันจุดอ่อน** (运巧必防损)
• วางแผนแล้วยังต้อง **คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลง** (立谋虑中变)"
**แก่นแท้แห่งปรัชญา:**
ข้อความนี้ชี้ว่า
หัวใจของการใช้กลยุทธ์อยู่ที่ **"ประสิทธิผลเชิงรุก"** (用计重有效果)
หากกลวิธีแรกไม่สำเร็จ
ให้สุมแผนซ้อนทับทันที (又出多计)
เมื่อสถานการณ์แปรผัน (情况变化时)
ต้องปรับยุทธวิธีตามสถานการณ์ (相应再出计)
จนคู่ต่อสู้ **"รับมือไม่ทัน"** (防不胜防)
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. การตีความศัพท์ยุทธวิธี:
- "襄" (xiāng) → **"เสริมกำลัง"** (สื่อความหมาย "สนับสนุน/ประกอบ")
- "行计务实施" → แปลแบบแยกโครงสร้าง **"ใช้กลยุทธ์ต้องปฏิบัติได้จริง"** (เน้นความปฏิบัติได้)
2. การถ่ายทอดปรัชญา:
- "防不胜防" → **"รับมือไม่ทัน"** (avoid คำว่า "ป้องกัน" ที่แคบเกินไป)
- "立谋虑中变" → ขยายเป็น **"วางแผนแล้วยังต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลง"** (สื่อความคาดการณ์ล่วงหน้า)
3. รูปแบบภาษา:
- 保留古文排比结构ด้วยเครื่องหมาย •
- ใช้ **"ซ้อนทับ"** แทน "又出多计" เพื่อแสดงความต่อเนื่อง
- คำว่า **"ประสิทธิผลเชิงรุก"** สะท้อนแนวคิด "重有效果" ที่ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์แต่รวมกระบวนการ
4. การเชื่อมหลักคิด:
- เน้นคำสำคัญ **"ปฏิบัติได้จริง/ป้องกันจุดอ่อน/คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลง"** ตามลำดับสามขั้น
- สร้างวลี **"ปรับยุทธวิธีตามสถานการณ์"** (相应再出计) ให้สมสมัย
**หมายเหตุ:**
本段揭示连环计的核心运作逻辑:
- 多层策略的 **动态叠加性** (非孤行 → 数计襄之)
- 应变思维的 **预防性** (防损 + 虑中变)
- 最终形成 **策略饱和攻击** (防不胜防)
译文通过军事化术语和动态动词呈现这一战略思维体系
以下为泰语翻译:
**คำจำกัดความเชิงยุทธศาสตร์:**
"อุบายแหวนลูกโซ่ (连环计) หมายถึง
การประยุกต์ยุทธวิธีหลายชั้นประสานกัน
แผนต่อแผนเชื่อมโยง (计计相连)
วงจรซ้อนวงจร (环环相扣)
กลลวงแรกสร้างพันธนาการ (一计累敌)
กลลวงหลังจึงจู่โจม (一计攻敌)
ศัตรูแม้แข็งแกร่งเพียงใด
**ย่อมไม่มีผู้ใดต้านทานได้** (无攻不破)"
**แก่นแท้ตามคัมภีร์:**
"หากข้าศึกมีกำลังเหนือกว่า
อย่าฝืนสู้ประจันหน้า (勿硬拼)
จงใช้กลยุทธ์บังคับให้พวกเขา **'ควบคุมกันเอง'** (自相钳制)
เพื่อบั่นทอนสมรรถภาพการรบ (削弱战斗力)
เมื่อใช้เล่ห์เหลี่ยมได้แยบยล
ย่อมเสมือนได้รับ **'อำนาจพรสวรรค์สนับสนุน'** (如有天神相助)"
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. การรักษาภาพพจน์:
- "环环相扣" → **"วงจรซ้อนวงจร"** (สื่อภาพการเชื่อมต่อแบบลูกโซ่)
- "自相钳制" → **"ควบคุมกันเอง"** (avoid คำว่า "คีม" เน้นภาวะติดกับ)
2. ศัพท์ยุทธศาสตร์สำคัญ:
- "战斗力" → **"สมรรถภาพการรบ"** (ศัพท์วิชาการแทน "พลังรบ")
- "不要硬拼" → **"อย่าฝืนสู้ประจันหน้า"** (ใช้ศัพท์ทหาร "ประจันหน้า")
3. การตีความปรัชญา:
- "天神相助" → ขยายเป็น **"อำนาจพรสวรรค์สนับสนุน"**
(คงแนวคิด "承天宠也" จากข้อก่อนหน้า)
- "无攻不破" → แปลงเป็น **"ไม่มีผู้ใดต้านทานได้"**
(เน้นผลลัพธ์มากกว่าคำแปลตรงตัว "ไม่มีอะไรทลายไม่ได้")
4. โครงสร้างการเน้น:
- ใช้ **เครื่องหมายวงเล็บจีน** คงต้นฉบับสำคัญ
- เน้นคำหลักด้วย **" "** และ **ตัวหนา**
**หมายเหตุเชิงปรัชญา:**
译文突出连环计的三大特性:
- **การโจมตีแบบขั้นบันได** (累敌→攻敌)
- **การสร้างภาวะพึ่งพาซึ่งกัน** (自相钳制)
- **ความเหนือชั้นเชิงยุทธวิธี** (天神相助)
通过军事术语与泰语谚语融合,完整传递"以智取力"的战略思想。
以下为泰语翻译:
**แก่นแท้เชิงยุทธวิธี:**
"หัวใจของอุบายนี้อยู่ที่การบีบให้ข้าศึก **'ก่อภาระตนเอง' (自累)**
ซึ่งหมายถึงการที่ศัตรู:
1. **ควบคุมกันเอง** (互相钳制)
2. **แบกรับภาระยุทธศาสตร์** (背上包袱)
3. **สูญเสียความคล่องตัว** (行动不自由)
从而为围歼敌人创造良好条件
สภาพเช่นนี้จะสร้าง **เงื่อนไขอันเหมาะเจาะ**
ในการโอบล้อมทำลายข้าศึกโดยสมบูรณ์"
**ตัวอย่างประวัติศาสตร์: ศึกผาแดง**
"เมื่อคราวศึกผาแดง
จิวหยินใช้กลยุทธ์สามชั้นประสาน:
• **อุบายแตกความสามัคคี** (反间计)
หลอกโจโฉสังหารแม่ทัพเรือ经验丰富 ช้ายเหมา-เตียวเอี้ยง (蔡瑁-张允)
• **อุบายโซ่ตรวน** (锁船之计)
โดยปังทองเสนอแผนล่ามเรือเป็นแพ
• **อุบายร้องทุกข์** (苦肉计)
ให้ฮองโต๊ะแสร้งยอมจำนน
สามกลยุทธ์ประสานเป็นลูกโซ่
จนโจโฉ **พ่ายยับเยินต้องหนีทัพ**"
**ความเชื่อมโยงกับอุบายแตกความสามัคคี:**
"ดังที่อธิบายในบทที่ ๘ (反间计)
เหตุโจโฉสั่งฆ่าช้ายเหมา-เตียวเอี้ยงโดยเข้าใจผิด
ทำให้เขารู้สึก **'สายเกินแก้'** (后悔莫及)
แต่วิกฤตยิ่งกว่าคือ
กองทัพโจโฉ **ขาดแม่ทัพชำนาญการรบบนน้ำ**
จนไร้ผู้นำการรบทางทะเลอีกต่อไป"
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. การตีความศัพท์ยุทธศาสตร์:
- "互相钳制" → **"ควบคุมกันเอง"** (สื่อการจำกัดเคลื่อนไหวซึ่งกันและกัน)
- "背上包袱" → **"แบกรับภาระยุทธศาสตร์"** (avoid คำว่า "เป้" ใช้ศัพท์เชิงนามธรรม)
2. การตั้งชื่อกลยุทธ์:
- "锁船之计" → **"อุบายโซ่ตรวน"** (สื่อภาพการล่ามเรือ)
- "苦肉计" → **"อุบายร้องทุกข์"** (ตามที่ปรากฏในวรรณกรรมไทย)
3. ศัพท์ประวัติศาสตร์:
- 保留人名音译ตาม惯例:
• โจโฉ (曹操)
• จิวหยิน (周瑜)
• ปังทอง (庞统)
• ฮองโต๊ะ (黄盖)
- 蔡瑁/张允 → **ช้ายเหมา/เตียวเอี้ยง** (ตามสำเนียงไทยดั้งเดิม)
4. การสื่อผลลัพธ์:
- "大败而逃" → **"พ่ายยับเยินต้องหนีทัพ"** (ใช้ศัพท์วรรณกรรม)
- "更要命的是" → **"วิกฤตยิ่งกว่าคือ"** (ลดสำนวนพูด เน้นความรุนแรง)
**หมายเหตุ:**
本段突出连环计的 **"系统性陷阱"** 特征:
1. 通过反间计移除水军专家 → 剥夺敌军专业能力
2. 锁船计制造物理弱点 → 使敌舰丧失机动性
3. 苦肉计提供攻击切入点 → 创造火攻实施条件
译文通过 **时序性呈现** (•) 和 **战术术语标註** 还原这一精妙战略结构。
以下为泰语翻译:
**ฉากเจรจายุทธศาสตร์:**
"ฮองโต๊ะ ขุนพลอาวุโสแห่งง่อก๊ก
เห็นเรือในค่ายโจโฉ **"เรือเบียดเสียดจอแจ"** (船只一个挨一个)
且ขาดผู้บัญชาการทรงประสิทธิภาพ (无得力指挥)
จึงเสนอต่อจิวหยินให้ **"ใช้ไฟโจมตี"** (用火攻)
พร้อมอาสา **"แสร้งยอมจำนน"** (诈降)
เพื่อจุดไฟเผาเรือขณะโจโฉไม่ทันระวัง
**บทสนทนาลับ:**
จิวหยิน: "แผนดี... แต่หากท่านไปยอมแพ้
โจโฉ **"ต้องสงสัยแน่นอน"** (定生疑)"
ฮองโต๊ะ: "หากใช้ **'อุบายร้องทุกข์'** (苦肉计) ล่ะ?"
จิวหยิน: "เช่นนั้นท่าน **"จะทุกข์ทรมานแสนสาหัส"** (会吃大苦)"
ฮองโต๊ะ: "เพื่อพิชิตโจโฉ ข้า **"ยอมทนทุกข์"** (甘愿受苦)"
**การแสดงบนเวทีใหญ่:**
วันต่อมา ขณะจิวหยินหารือกับขุนพลในค่าย
ฮองโต๊ะก็ **"เปิดเผยขัดขืน"** (当众顶撞)
ด่าจิวหยินว่า **"ไม่รู้กาลเทศะ"** (不识时务)
并สนับสนุนให้ยอมจำนนโจโฉ
จิวหยินเดือดดาล สั่ง **"ประหารชีวิต"** (推出斩首)
เหล่าขุนพลอ้อนวอน:
**"ท่านผู้อาวุโสมีคุณูปการมาก ขอไว้ชีวิตเถิด"**
จิวหยินจึงผ่อนปรน:
"**"รอดตายได้ แต่โทษหนักหนาสาหัส"** (死罪既免,活罪难逃)"
สั่งเฆี่ยนหนึ่งร้อยทีจน **"เลือดอาบ"** (鲜血淋漓)
**กับดักข่าวลวง:**
ฮองโต๊ะส่งคนลับนำสารถึงโจโฉ
กล่าวร้ายจิวหยิน พร้อมรับจะหาโอกาสมา投降
เมื่อโจโฉสืบสวนก็พบว่า **"การลงโทษเกิดขึ้นจริง"** (确实受刑)
且ฮองโต๊ะกำลังรักษาบาดแผล
โจโฉจึง **"ครึ่งเชื่อครึ่งสงสัย"** (将信将疑)
ส่ง **"เจี่ยงกั้น"** (蒋干) ข้ามแม่น้ำอีกครั้งเพื่อ **"สืบความจริง"** (察看虚实)
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. การถ่ายทอดอารมณ์ฉาก:
- "顶撞" → **"เปิดเผยขัดขืน"** (แสดงความท้าทายอย่างโจ่งแจ้ง)
- "鲜血淋漓" → **"เลือดอาบ"** (ใช้ศัพท์วรรณกรรมคลาสสิก)
2. ศัพท์ยุทธวิธี:
- "诈降" → **"แสร้งยอมจำนน"** (ตามมาตรฐานการแปลก่อนหน้า)
- "苦肉计" → **"อุบายร้องทุกข์"** (คงคำเดิมที่ใช้ในวัฒนธรรมไทย)
3. บทสนทนาเน้นนาฏกรรม:
- "死罪既免,活罪难逃" → แปลเป็นสุภาษิต **"รอดตายได้ แต่โทษหนักหนาสาหัส"**
- "不识时务" → **"ไม่รู้กาลเทศะ"** (สำนวนไทยตรงความหมาย)
4. ชื่อบุคคลเฉพาะ:
- 蒋干 → **"เจี่ยงกั้น"** (อิงระบบถอดเสียงไทย)
- 黄盖 → **"ฮองโต๊ะ"** (ตามสำเนียงสามก๊กเวอร์ชันไทย)
5. เทคนิคการโน้มน้าว:
- "将信将疑" → **"ครึ่งเชื่อครึ่งสงสัย"** (สำนวนไทยที่สื่ออารมณ์ได้แม่นยำ)
- "察看虚实" → **"สืบความจริง"** (ลดความซับซ้อนแต่คงสาระ)
**หมายเหตุ:**
译文通过三个层次还原历史场景:
1. **幕后策划** (บทสนทนาลับ) - 展现战略冷酷性
2. **公开表演** (การแสดงบนเวทีใหญ่) - 突出戏剧张力
3. **情报操控** (กับดักข่าวลวง) - 体现心理战精髓
保留"苦肉计"的文化意象,同时用泰语谚语强化对话冲击力。
以下为泰语翻译:
**ฉากกักตัวเจี่ยงกั้น:**
"เมื่อจิวหยินพบเจี่ยงกั้นอีกครั้ง
ก็กล่าวหาเขาว่า **'ขโมยจดหมายหลบหนี'** (盗书逃跑)
จนทำลายแผนการสำคัญของง่อก๊ก
并质问今回渡江又有何企图?
จิวหยินประกาศ:
**"อย่าหาว่าข้าไม่นึกถึงมิตรภาพเก่า"** (莫怪我不念旧情)
ขอให้ท่านพักที่ภูเขาตะวันตกก่อน
รอจนกว่าข้าจะตีทัพโจโฉแตก!"
จึงสั่ง **"กักบริเวณ"** (软禁) เจี่ยงกั้นไว้
**เบื้องหลังอุบาย:**
จริงๆแล้วจิวหยินต้องการใช้ไอ้โง่เจี่ยงกั้น **"ผู้หลงคิดว่าตัวเองฉลาด"** (自作聪明)
การกักตัวจึงเป็นเพียง **"เหยื่อล่อ"** (诱他上钩)
**กับดักบนภูเขา:**
วันหนึ่งขณะเจี่ยงกั้นเดินระทมใจ (心中烦闷)
ก็ได้ยินเสียงสวดตำราพิชัยสงคราม (琅琅书声)
จากกระท่อมกลางดอย
เข้าไปพบนักปราชญ์นาม **"ปังทอง"**
ผู้แสร้งบ่นว่าจิวหยิน **"เยาว์วัยทระนง"** (年轻自负)
จนตนต้อง隐居山林
เจี่ยงกั้นหลงกลจึงชวนปังทองไปเข้ากับโจโฉ
อวดอ้างว่าโจโฉ **"ยกย่องผู้มีความสามารถ"** (重视人才)
รับรองจะได้ตำแหน่งสูง
**แผนลับลอบข้ามแม่น้ำ:**
ปังทองแสร้งยินยอม
แล้วลอบพาเจี่ยงกั้นลงเรือเล็ก (坐一小船)
ที่จุดลับริมแม่น้ำ (江边僻静处)
มุ่งสู่ค่ายโจโฉอย่างเงียบเชียบ
**真相อันน่าขัน:**
เจี่ยงกั้นไม่รู้ตัวว่า **"ตกหลุมพรางจิวหยินอีกครั้ง"**
แท้จริงปังทองกับจิวหยินร่วมแผนกัน
ให้ปังทองแสร้งเสนออุบายโซ่ตรวน (献锁船之计)
เพื่อเสริม **"ประสิทธิภาพเพลิงสวรรค์"** (显神效)
ให้แผนเผาเรือรบสมบูรณ์แบบ!
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. การถ่ายทอดบุคลิก:
- "自作聪明的呆子" → **"ไอ้โง่ผู้หลงคิดว่าตัวเองฉลาด"** (เน้นความขัดแย้งในตัวตน)
- "年轻自负" → **"เยาว์วัยทระนง"** (ใช้ศัพท์วรรณกรรมสื่อความหยิ่ง)
2. ศัพท์ยุทธศาสตร์:
- "软禁" → **"กักบริเวณ"** (ศัพท์ทางการ)
- "诱他上钩" → **"เหยื่อล่อ"** (ใช้รูปธรรมสื่อความ)
3. เทคนิคการเขียน:
- 保留象声词 "琅琅" → **"เสียงสวด"** (แทนคำแปลตรงตัว)
- "坐一小船" → ขยายเป็น **"ลงเรือเล็กที่จุดลับ"** (สร้างบรรยากาศลับๆ)
4. การตีความนาฏกรรม:
- "显神效" → แปลงเป็น **"เสริมประสิทธิภาพเพลิงสวรรค์"**
(เชื่อมโยงกับ "火烧赤壁" ในวัฒนธรรมไทย)
- "又中周瑜一计" → ใช้สำนวน **"ตกหลุมพรางอีกครั้ง"** (สื่อความต่อเนื่อง)
**หมายเหตุ:**
译文通过三个反差突出戏剧性:
1. **ความโง่ vs. ความแสร้ง** - เจี่ยงกั้น的愚蠢对比庞统的伪裝
2. **การกักขัง vs. อิสรภาพ** - 表面软禁实为纵容
3. **ความลับ vs. ความเปิดเผย** - 隐士读书声作为诱饵
保留"连环计"的核心特质:计策如锁链环环相扣(蒋干中计→庞统投曹→献锁船计),译文用动词序列呈现这一精妙设计。
以下为泰语翻译:
**การลงดาบส์โจโฉ:**
เมื่อโจโฉได้ปังทองมาอยู่ใต้บังคับบัญชาก็ดีใจยิ่ง
在交谈中ประทับใจภูมิปัญญาของปังทอง
ระหว่าง巡视军营时
โจโฉขอคำแนะนำ
ปังทองท้วงติง:
**"ทหารเหนือไม่คุ้นการรบบนน้ำ** (不习水战)
เมื่อเรือโคลงเคลงย่อมทนไม่ไหว
จะสู้จิวหยินได้อย่างไร?"
**อุบายโซ่ตรวน:**
โจโฉถามหามิติภาพ
ปังทองเสนอ:
"กองทัพท่านมีเรือมากกว่าหลายเท่า
何不将战舰 **'ล่ามเรือเป็นแพ'** (连锁起来)
ให้มั่นคงดั่งอยู่บนบก?"
โจโฉปฏิบัติตามทันที
เหล่าทหารต่าง **'ปลาบปลื้ม'** (十分满意)
**เพลิงสวรรค์ถล่มค่าย:**
วันหนึ่ง ฮองโต๊ะนำเรือเร็วบรรทุก
น้ำมัน ฟืน กำมะถัน ดินประสิว (油柴硫硝)
**"ปกปิดมิดชิด"** (遮得严严实实)
按约定信号 **'ชักธงเขียว'** (插青牙旗)
แล่นฝ่าคลื่น (飞速渡江) แสร้ง投降
恰逢东南风起
正是จิวหยิน计算的良辰吉日
เมื่อทหารโจโฉเห็นเรือฮองโต๊ะ投降
ก็ไม่ระวัง防备
ทันใดนั้น **"เปลวเพลิงพลุ่งโชติช่วง"** (火势熊熊)
ก็พุ่งตรงสู่เรือธง!
**มหาสมุทรไฟ:**
ไฟได้ลมยิ่งโหม (风助火势)
ลมได้ไฟยิ่งแรง (火乘风威)
เรือที่ **"ล่ามต่อกันเป็นพื้้น"** (一个连着一个)
แยกไม่ออก ไฟลามเป็นวงกว้าง
ยิ่งลุกลามยิ่งแรง
จิวหยินนำกองเรือเร็วโจมตี补充
จน **"ทัพแสนโจโฉพินาศยับเยิน"** (一败涂地)
ตัวโจโฉ **"หนีอย่างตะเกียกตะกาย"** (仓皇逃奔)
เอาชีวิตรอดมาได้ (捡条性命)
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. การถ่ายทอดเทคนิคการรบ:
- "连锁起来" → **"ล่ามเรือเป็นแพ"** (สื่อภาพเป็นรูปธรรม)
- "青牙旗" → **"ธงเขียว"** (ลดรายละเอียดที่ไม่จำเป็น)
2. ศัพท์วัตถุระเบิด:
- "硫,硝" → **"กำมะถัน,ดินประสิว"** (ศัพท์วิทยาศาสตร์ไทย)
- "引火物资" → ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
3. ภาพพจน์เพลิงไหม้:
- "火势熊熊" → **"เปลวเพลิงพลุ่งโชติช่วง"** (ใช้ศัพท์วรรณกรรม)
- "越烧越旺" → **"ยิ่งลุกลามยิ่งแรง"** (ซ้ำคำเพื่อเน้นย้ำ)
4. บทจบอันดราม่า:
- "仓皇逃奔" → **"หนีอย่างตะเกียกตะกาย"** (สำนวนสื่อความวุ่นวาย)
- "捡了一条性命" → **"เอาชีวิตรอดมาได้"** (ให้เกียรติโจโฉตามบริบท)
**หมายเหตุประวัติศาสตร์:**
译文通过四幕剧展现连环计的完美闭环:
1. **ปัญญาประดิษฐ์** (庞统献计) → 制造战术弱点
2. **ความหลงผิด** (曹操锁船) → 强化物理缺陷
3. **ไฟแฝงเรือ** (黄盖火船) → 激活攻击条件
4. **นรกบนน้ำ** (火借风威) → 实现毁灭性打击
保留"东南风"的关键要素,因在ไทย文化中 "ลมตะวันออกเฉียงใต้" 同样象征转变转折点。
以下为泰语翻译:
**ปรัชญาการรบแห่งกลยุทธ์ซ้อนเกลียว:**
"สมรภูมิคือสถานะ **'พลิกผันซับซ้อน'** (复杂多变)
การประยุกต์อุบายจึงเป็น **'ศาสตร์แห่งจอมทัพ'**
ทว่าคู่ต่อสู้ก็ล้วนเป็น **'มืออาชีพ'** (有经验的老手)
หากใช้กลวิธีเดี่ยว ย่อมถูกมอง透ง่าย
แต่หาก **'กลลวงซ้อนกลลวง'** (一计套一计)
**'ยุทธวิธีร้อยเกลียว'** (计计连环)
ประสิทธิผลจะทรงพลังยิ่ง!"
**กรณีศึกษาปังจ้ายวี้แห่งราชวงศ์ซ่ง:**
แม่ทัพไป่จ้ายวี้ (毕再遇) เคยใช้กลยุทธ์นี้ชนะสงคราม
จากการวิเคราะห์พบว่ากองทัพกิม (金人)
• มี **'พละกำลังมหาศาล'** (强悍)
• โดยเฉพาะ **'ทหารม้าดุดัน'** (骑兵勇猛)
การประจัญบานตรงหน้าจะ **'เสียไพร่พลยับเยิน'**
ยุทธศาสตร์ของเขาจึงเน้น:
1. **"โจมตีจุดอ่อนสำคัญ"** (抓住重大弱点)
2. **"ล่ามพันธนาการข้าศึก"** (设法钳制)
3. **"รอจังหวะชัยตัดสิน"** (寻找良机)
**ปฏิบัติการเหนื่อยล้าศัตรู:**
คราหนึ่งเมื่อปะทะกองทัพกิม
เขาสั่งการให้ **'หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า'** (勿正面交锋)
ใช้ **'ยุทธวิธีรุกถอยยืดหยุ่น'** (游击流动战术)
• ข้าศึกรุก → ถอยทัพ
• ข้าศึกตั้งรับ → รุกฉับพลัน
• ข้าศึกโต้กลับ → ถอย **'อันตรธาน'** (无影无踪)
**ผลลัพธ์เชิงยุทธศาสตร์:**
ด้วยวิธีการ **"ถอยๆรุกๆ สู้ๆหยุดๆ"** (退退进进,打打停停)
จนทหารกิม **"เหนื่อยล้าสุดขีด"** (疲惫不堪)
陷入困境:
• **"อยากสู้...ก็สู้ไม่ถึง"** (想打又打不着)
• **"อยากหนี...ก็หนีไม่พ้น"** (想摆又摆不脱)**
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. ศัพท์ยุทธศาสตร์ใหม่:
- "游击流动战术" → **"ยุทธวิธีรุกถอยยืดหยุ่น"** (สื่อความคล่องตัว)
- "疲惫不堪" → **"เหนื่อยล้าสุดขีด"** (เน้นระดับความอ่อนล้า)
2. การถ่ายทอดภาพพจน์:
- "无影无踪" → **"อันตรธาน"** (ศัพท์วรรณกรรมสูงส่ง)
- "打打停停" → **"สู้ๆหยุดๆ"** (คำซ้ำสร้างจังหวะ)
3. เทคนิคการซ้อนกลยุทธ์:
- "一计套一计" → แปลเป็น **"กลลวงซ้อนกลลวง"** (ใช้ "ซ้อน" สื่อการประกอบกัน)
- "计计连环" → ขยายเป็น **"ยุทธวิธีร้อยเกลียว"** (สื่อการเชื่อมโยงเป็นระบบ)
4. การวิเคราะห์เชิงรุก:
- "造成重大伤亡" → **"เสียไพร่พลยับเยิน"** (avoid คำว่า "บาดเจ็บ")
- "设法钳制" → **"ล่ามพันธนาการ"** (ใช้ "พันธนาการ" แทน "คีม")
**หมายเหตุ:**
译文突出连环计的 **"时空消耗战"** 本质:
- 通过 **"节奏控制"** (รุก/ถอย) → 剥夺敌军主动权
- 制造 **"心理疲惫"** (想打打不着) → 瓦解战斗意志
- 最终形成 **"战略围猎"** (หนีไม่พ้น)
保留中文成语结构但用泰语韵律重组,如 **"อยากสู้...ก็สู้ไม่ถึง"** 的双重否定句式强化困境描写。
以下为泰语翻译:
**ปฏิบัติการตัดกำลังม้าศึก:**
"ค่ำคืนลงเมื่อทหารและม้ากิม **"อิดโรยสุดขีด"** (人困马乏)
正准备撤退休整
ไป่จ้ายวี้จึงโปรย **"ถั่วดำต้มเครื่องเทศ"** (香料煮黑豆)
ลงบนสนามรบอย่างลับๆ
แล้วก็ **"โจมตีฉับพลัน"** (突然袭击)
ฝ่ายกิมจำใจ必须反击
但交战不久 ฝ่ายไป่จ้ายวี้ก็ **"ถอยหนีอย่างจงใจ"** (全部败退)
**วิกฤตในความมืด:**
ทหารกิมโกรธจัด ไล่ตามอย่างได้ใจ
หารู้ไม่ว่าม้าศึกที่ **"วิ่งไล่ตลอดวัน"** (东跑西追)
ทั้งหิวทั้งกระหาย (又饿又渴)
พอได้กลิ่นหอมบนดิน (闻到香喷喷味道)
ก็ **"ดมกลิ่นแล้วคาบกิน"** (用嘴一探)
只顾抢着吞食黑豆 (只顾抢着吃)
**ภาพอันวินาศ:**
แม้ **"เฆี่ยนแส้อย่างไร"** (任鞭抽打)
ม้าศึกก็ **"ไม่ยอมก้าว"** (不肯前进)
กองทัพกิม **"ควบคุมม้าไม่ได้"** (调不动战马)
ในความมืดจึง **"วุ่นวายอลหม่าน"** (十分混乱)
**ชัยชนะสมบูรณ์:**
此刻ไป่จ้ายวี้ย集结全军 (调集全部队伍)
**"โอบล้อมสี่ทิศ"** (从四面包围)
สังหารจน **"ม้าล้มคนตาย"** (人仰马翻)
ศพกิม **"เกลื่อนสนามรบ"** (横尸遍野)
---
**คำอธิบายการแปลเชิงลึก:**
1. เทคนิคการเหนื่อยล้า:
- "香料煮黑豆" → **"ถั่วดำต้มเครื่องเทศ"**
(เน้น八角/โป๊ยกั๊ก等刺激马嗅觉的香料)
- "偷偷地撒" → **"โปรย...อย่างลับๆ"** (保留战术隐蔽性)
2. ภาพพจน์สัตว์:
- "用嘴一探" → **"ดมกลิ่นแล้วคาบกิน"** (แสดงลำดับ动作)
- "一口口只顾抢着吃" → **"ขยับปากกินไม่หยุด"** (ใช้คำว่า "ขยับปาก" เน้นการกิน)
3. ศัพท์การควบคุม:
- "调不动战马" → **"ควบคุมม้าไม่ได้"** (避免直译 "调动")
- "不肯前进一步" → **"ไม่ยอมก้าว"** (简洁化)
4. บทจบอันดุเดือด:
- "人仰马翻" → **"ม้าล้มคนตาย"** (เรียงคำตามธรรมชาติไทย)
- "横尸遍野" → **"ศพเกลื่อนสนามรบ"** (ใช้ "เกลื่อน" สื่อความมากมาย)
**หมายเหตุยุทธวิธี:**
译文通过三阶段呈现战术精髓:
1. **การยั่วยุ** (突然袭击) → 诱使敌军追击
2. **การล่อด้วยอาหาร** (香料黑豆) → 利用生物本能瘫痪机动性
3. **การโอบล้อมในจังหวะวิกฤต** (四面包围) → 在敌军混乱时发动总攻
保留"金军"(กองทัพกิม)的称呼一致性,因前文已建立历史语境。动词选用如 **"โอบล้อม"** (包围)、**"สังหาร"** (击杀) 增强战场画面感。
นี่คือคำแปลภาษาไทยของบทความเกี่ยวกับองุ่น:
**องุ่น**
บทความ
พูดคุย
ภาษา
ดาวน์โหลด PDF
ดู
ดูแหล่งที่มา
อย่าสับสนกับ ส้มโอ (Grapefruit)
บทความนี้เกี่ยวกับผลของสกุล *Vitis* สำหรับความหมายอื่น ดูที่ องุ่น (แก้ความกำกวม)
**องุ่น** (Grape) เป็นผลไม้ ในทางพฤกษศาสตร์จัดเป็นเบอร์รี (berry) ที่เกิดจากไม้เถายืนต้นผลัดใบของพืชดอกสกุล *Vitis* องุ่นจัดเป็น**ผลไม้แบบนอนไคลแมกเทอริก** (non-climacteric) มักพบเป็นพวง
องุ่น
องุ่นโต๊ะพันธุ์ "สีดำ" (น้ำเงินเข้ม) และ "สีขาว" (เขียวอ่อน)
การปลูกองุ่นเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 8,000 ปีก่อน โดยมนุษย์ใช้ผลองุ่นเป็นอาหารตลอดประวัติศาสตร์ นอกจากรับประทานสดหรือในรูปแบบแห้ง (เช่น ลูกเกด, ลูกเกดดำ และลูกเกดทอง) องุ่นยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมในหลายภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะบทบาทในการ**ผลิตไวน์** ผลิตภัณฑ์อื่นจากองุ่นได้แก่ แยมชนิดต่างๆ น้ำผลไม้ น้ำส้มสายชู และน้ำมัน
---
### หมายเหตุการแปล:
1. **ศัพท์เฉพาะ:**
- **Non-climacteric** → แปลว่า "แบบนอนไคลแมกเทอริก" (ตามศัพท์บัญญัติ)
- **Raisins/Currants/Sultanas** → ใช้ "ลูกเกด" (ทั่วไป), "ลูกเกดดำ" (currants), "ลูกเกดทอง" (sultanas)
- **Table grapes** → "องุ่นโต๊ะ" (องุ่นรับประทานสด)
- **Winemaking** → "การผลิตไวน์"
2. **โครงสร้าง:**
- รักษาโครงสร้างเดิมของบทความวิกิพีเดีย (ส่วนหัวข้อ "บทความ", "พูดคุย" ฯลฯ)
- คำว่า "Grapefruit" แปลเป็น "ส้มโอ" พร้อมวงเล็บคำทับศัพท์เพื่อป้องกันความสับสน
3. **บริบทภาพ:**
- คำบรรยายภาพแปลตามต้นฉบับ พร้อมระบุสีตาม原文 (น้ำเงินเข้ม = สีดำในตลาด, เขียวอ่อน = สีขาวในตลาด)
นี่คือคำแปลบทความเกี่ยวกับสกุล Vitis เป็นภาษาไทย:
**Vitis**
บทความ · อภิปราย · ภาษา · ดาวน์โหลด PDF · ดู · แก้ไข
*(สำหรับความหมายอื่น ดูที่ Vitis (แก้ความกำกวม))*
*(คำว่า "Grapevine" หมายถึงสิ่งอื่นได้เช่นกัน ดูที่ Grapevine (แก้ความกำกวม))*
**Vitis** (องุ่น) เป็นสกุลของพืชไม้เลื้อยซึ่งมี **81 สปีชีส์** ที่ได้รับการยอมรับ[5] ในวงศ์พืชมีดอก **Vitaceae** (วงศ์องุ่น) สกุลนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสปีชีส์จากเขตซีกโลกเหนือ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในฐานะแหล่งของ **ผล葡萄 (เกรป)** ทั้งสำหรับบริโภคผลโดยตรงและการหมักเพื่อผลิต **ไวน์** การศึกษาและการปลูกองุ่นเรียกว่า **การปลูกองุ่น (viticulture)**
**Vitis**
ช่วงเวลาที่มีชีวิต: 60–0 ล้านปีก่อน
ยุคพาลีโอซีน[1] - ปัจจุบัน

*Vitis californica พร้อมผล*
**การจำแนกทางวิทยาศาสตร์**
อาณาจักร: Plantae
เคลด: Tracheophytes (พืชมีท่อลำเลียง)
เคลด: Angiosperms (พืชมีดอก)
เคลด: Eudicots (พืชใบเลี้ยงคู่แท้)
เคลด: Rosids
อันดับ: Vitales
วงศ์: Vitaceae (วงศ์องุ่น)
วงศ์ย่อย: Vitoideae
สกุล: **Vitis**
L.[2]
สปีชีส์ต้นแบบ: *Vitis vinifera*
L.
**สปีชีส์**[3][4][5]
รายการ
* Vitis acerifolia
* Vitis adenoclada
* Vitis aestivalis
* Vitis amurensis
* Vitis arizonica
* Vitis balansana
* Vitis barbata
* Vitis bashanica
* Vitis bellula
* Vitis berlandieri
* Vitis betulifolia
* Vitis biformis
* Vitis blancoi
* Vitis bloodworthiana
* Vitis bourgaeana
* Vitis bryoniifolia
* Vitis californica
* Vitis × champinii
* Vitis chunganensis
* Vitis chungii
* Vitis cinerea
* Vitis coignetiae
* Vitis davidii
* Vitis × doaniana
* Vitis erythrophylla
* Vitis fengqinensis
* Vitis ficifolia
* Vitis flexuosa
* Vitis girdiana
* Vitis hancockii
* Vitis heyneana
* Vitis hui
* Vitis jacquemontii
* Vitis jaegeriana
* Vitis jinggangensis
* Vitis jinzhainensis
* Vitis labrusca
* Vitis lanceolatifoliosa
* Vitis lincecumii
* Vitis longquanensis
* Vitis luochengensis
* Vitis menghaiensis
* Vitis mengziensis
* Vitis mustangensis
* Vitis nesbittiana
* Vitis × novae-angliae
* Vitis palmata
* Vitis peninsularis
* Vitis piasezkii
* Vitis pilosonerva
* Vitis popenoei
* Vitis pseudoreticulata
* Vitis retordii
* Vitis rhomboidea
* Vitis romanetii
* Vitis rotundifolia
* Vitis rupestris
* Vitis ruyuanensis
* Vitis shenxiensis
* Vitis shuttleworthii
* Vitis silvestrii
* Vitis sinocinerea
* Vitis tiliifolia
* Vitis treleasei
* Vitis tsoii
* Vitis vinifera
* Vitis vulpina
* Vitis wenchouensis
* Vitis wilsoniae
* Vitis wuhanensis
* Vitis xunyangensis
* Vitis yunnanensis
* Vitis zhejiang-adstricta
พันธุ์ **Vitis** ที่ปลูกส่วนใหญ่มีการ**ผสมเกสรโดยลม** โดยมี**ดอกสมบูรณ์เพศ (hermaphroditic)** ซึ่งมีทั้งโครงสร้างสืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย ในขณะที่สปีชีส์ป่ามักเป็น**พืชสองบ้าน (dioecious)** ดอกเหล่านี้จะจัดกลุ่มเป็นช่อ เรียกว่า **ช่อดอก (inflorescences)** ในหลายสปีชีส์ เช่น *Vitis vinifera* ดอกแต่ละดอกที่ได้รับการผสมเกสรสำเร็จจะกลายเป็น**ผลเบอร์รีองุ่น (grape berry)** โดยช่อดอกจะพัฒนาเป็น**พวงองุ่น (cluster of grapes)** แม้ดอกองุ่นมักจะมีขนาดเล็กมาก แต่ผลเบอร์รีมักมีขนาดใหญ่ สีสันสดใส และมีรสหวานเพื่อดึงดูดนกและสัตว์อื่นๆ ให้กระจายเมล็ดที่อยู่ภายในผล[6]
โดยทั่วไป ต้นองุ่นจะให้ผลผลิต**เฉพาะบนยอดอ่อน (shoots)** ที่เจริญมาจาก**ตาที่พัฒนาในช่วงฤดูปลูกก่อนหน้า** ในการปลูกองุ่น (viticulture) นี่เป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของการ**ตัดแต่งกิ่ง (pruning)** โดยจะตัดส่วนที่เติบโตในปีก่อนหน้า (หรือที่เรียกว่า "ไม้อายุหนึ่งปี") ซึ่งรวมถึงยอดอ่อนที่แข็งและเป็นเนื้อไม้ในช่วงฤดูหนาว (หลังการเก็บเกี่ยวในการปลูกเชิงพาณิชย์) กิ่งเหล่านี้จะถูกตัดแต่งให้เหลือเป็น**กิ่งหลัก (cane)** ซึ่งสามารถรองรับตาได้ 8-15 ตา หรือตัดให้เหลือเป็น**กิ่งแขนงสั้น (spur)** ซึ่งมีเพียง 2-3 ตา[6]
นี่คือคำแปลภาษาไทยของบทความเกี่ยวกับองุ่น:
**องุ่น**
บทความ
พูดคุย
ภาษา
ดาวน์โหลด PDF
ดู
ดูแหล่งที่มา
อย่าสับสนกับ ส้มโอ (Grapefruit)
บทความนี้เกี่ยวกับผลของสกุล *Vitis* สำหรับความหมายอื่น ดูที่ องุ่น (แก้ความกำกวม)
**องุ่น** (Grape) เป็นผลไม้ ในทางพฤกษศาสตร์จัดเป็นเบอร์รี (berry) ที่เกิดจากไม้เถายืนต้นผลัดใบของพืชดอกสกุล *Vitis* องุ่นจัดเป็น**ผลไม้แบบนอนไคลแมกเทอริก** (non-climacteric) มักพบเป็นพวง
องุ่น
องุ่นโต๊ะพันธุ์ "สีดำ" (น้ำเงินเข้ม) และ "สีขาว" (เขียวอ่อน)
การปลูกองุ่นเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 8,000 ปีก่อน โดยมนุษย์ใช้ผลองุ่นเป็นอาหารตลอดประวัติศาสตร์ นอกจากรับประทานสดหรือในรูปแบบแห้ง (เช่น ลูกเกด, ลูกเกดดำ และลูกเกดทอง) องุ่นยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมในหลายภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะบทบาทในการ**ผลิตไวน์** ผลิตภัณฑ์อื่นจากองุ่นได้แก่ แยมชนิดต่างๆ น้ำผลไม้ น้ำส้มสายชู และน้ำมัน
---
### หมายเหตุการแปล:
1. **ศัพท์เฉพาะ:**
- **Non-climacteric** → แปลว่า "แบบนอนไคลแมกเทอริก" (ตามศัพท์บัญญัติ)
- **Raisins/Currants/Sultanas** → ใช้ "ลูกเกด" (ทั่วไป), "ลูกเกดดำ" (currants), "ลูกเกดทอง" (sultanas)
- **Table grapes** → "องุ่นโต๊ะ" (องุ่นรับประทานสด)
- **Winemaking** → "การผลิตไวน์"
2. **โครงสร้าง:**
- รักษาโครงสร้างเดิมของบทความวิกิพีเดีย (ส่วนหัวข้อ "บทความ", "พูดคุย" ฯลฯ)
- คำว่า "Grapefruit" แปลเป็น "ส้มโอ" พร้อมวงเล็บคำทับศัพท์เพื่อป้องกันความสับสน
3. **บริบทภาพ:**
- คำบรรยายภาพแปลตามต้นฉบับ พร้อมระบุสีตาม原文 (น้ำเงินเข้ม = สีดำในตลาด, เขียวอ่อน = สีขาวในตลาด)
นี่คือคำแปลบทความเกี่ยวกับสกุล Vitis เป็นภาษาไทย:
**Vitis**
บทความ · อภิปราย · ภาษา · ดาวน์โหลด PDF · ดู · แก้ไข
*(สำหรับความหมายอื่น ดูที่ Vitis (แก้ความกำกวม))*
*(คำว่า "Grapevine" หมายถึงสิ่งอื่นได้เช่นกัน ดูที่ Grapevine (แก้ความกำกวม))*
**Vitis** (องุ่น) เป็นสกุลของพืชไม้เลื้อยซึ่งมี **81 สปีชีส์** ที่ได้รับการยอมรับ[5] ในวงศ์พืชมีดอก **Vitaceae** (วงศ์องุ่น) สกุลนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสปีชีส์จากเขตซีกโลกเหนือ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในฐานะแหล่งของ **ผล葡萄 (เกรป)** ทั้งสำหรับบริโภคผลโดยตรงและการหมักเพื่อผลิต **ไวน์** การศึกษาและการปลูกองุ่นเรียกว่า **การปลูกองุ่น (viticulture)**
**Vitis**
ช่วงเวลาที่มีชีวิต: 60–0 ล้านปีก่อน
ยุคพาลีโอซีน[1] - ปัจจุบัน

*Vitis californica พร้อมผล*
**การจำแนกทางวิทยาศาสตร์**
อาณาจักร: Plantae
เคลด: Tracheophytes (พืชมีท่อลำเลียง)
เคลด: Angiosperms (พืชมีดอก)
เคลด: Eudicots (พืชใบเลี้ยงคู่แท้)
เคลด: Rosids
อันดับ: Vitales
วงศ์: Vitaceae (วงศ์องุ่น)
วงศ์ย่อย: Vitoideae
สกุล: **Vitis**
L.[2]
สปีชีส์ต้นแบบ: *Vitis vinifera*
L.
**สปีชีส์**[3][4][5]
รายการ
* Vitis acerifolia
* Vitis adenoclada
* Vitis aestivalis
* Vitis amurensis
* Vitis arizonica
* Vitis balansana
* Vitis barbata
* Vitis bashanica
* Vitis bellula
* Vitis berlandieri
* Vitis betulifolia
* Vitis biformis
* Vitis blancoi
* Vitis bloodworthiana
* Vitis bourgaeana
* Vitis bryoniifolia
* Vitis californica
* Vitis × champinii
* Vitis chunganensis
* Vitis chungii
* Vitis cinerea
* Vitis coignetiae
* Vitis davidii
* Vitis × doaniana
* Vitis erythrophylla
* Vitis fengqinensis
* Vitis ficifolia
* Vitis flexuosa
* Vitis girdiana
* Vitis hancockii
* Vitis heyneana
* Vitis hui
* Vitis jacquemontii
* Vitis jaegeriana
* Vitis jinggangensis
* Vitis jinzhainensis
* Vitis labrusca
* Vitis lanceolatifoliosa
* Vitis lincecumii
* Vitis longquanensis
* Vitis luochengensis
* Vitis menghaiensis
* Vitis mengziensis
* Vitis mustangensis
* Vitis nesbittiana
* Vitis × novae-angliae
* Vitis palmata
* Vitis peninsularis
* Vitis piasezkii
* Vitis pilosonerva
* Vitis popenoei
* Vitis pseudoreticulata
* Vitis retordii
* Vitis rhomboidea
* Vitis romanetii
* Vitis rotundifolia
* Vitis rupestris
* Vitis ruyuanensis
* Vitis shenxiensis
* Vitis shuttleworthii
* Vitis silvestrii
* Vitis sinocinerea
* Vitis tiliifolia
* Vitis treleasei
* Vitis tsoii
* Vitis vinifera
* Vitis vulpina
* Vitis wenchouensis
* Vitis wilsoniae
* Vitis wuhanensis
* Vitis xunyangensis
* Vitis yunnanensis
* Vitis zhejiang-adstricta
พันธุ์ **Vitis** ที่ปลูกส่วนใหญ่มีการ**ผสมเกสรโดยลม** โดยมี**ดอกสมบูรณ์เพศ (hermaphroditic)** ซึ่งมีทั้งโครงสร้างสืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย ในขณะที่สปีชีส์ป่ามักเป็น**พืชสองบ้าน (dioecious)** ดอกเหล่านี้จะจัดกลุ่มเป็นช่อ เรียกว่า **ช่อดอก (inflorescences)** ในหลายสปีชีส์ เช่น *Vitis vinifera* ดอกแต่ละดอกที่ได้รับการผสมเกสรสำเร็จจะกลายเป็น**ผลเบอร์รีองุ่น (grape berry)** โดยช่อดอกจะพัฒนาเป็น**พวงองุ่น (cluster of grapes)** แม้ดอกองุ่นมักจะมีขนาดเล็กมาก แต่ผลเบอร์รีมักมีขนาดใหญ่ สีสันสดใส และมีรสหวานเพื่อดึงดูดนกและสัตว์อื่นๆ ให้กระจายเมล็ดที่อยู่ภายในผล[6]
โดยทั่วไป ต้นองุ่นจะให้ผลผลิต**เฉพาะบนยอดอ่อน (shoots)** ที่เจริญมาจาก**ตาที่พัฒนาในช่วงฤดูปลูกก่อนหน้า** ในการปลูกองุ่น (viticulture) นี่เป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของการ**ตัดแต่งกิ่ง (pruning)** โดยจะตัดส่วนที่เติบโตในปีก่อนหน้า (หรือที่เรียกว่า "ไม้อายุหนึ่งปี") ซึ่งรวมถึงยอดอ่อนที่แข็งและเป็นเนื้อไม้ในช่วงฤดูหนาว (หลังการเก็บเกี่ยวในการปลูกเชิงพาณิชย์) กิ่งเหล่านี้จะถูกตัดแต่งให้เหลือเป็น**กิ่งหลัก (cane)** ซึ่งสามารถรองรับตาได้ 8-15 ตา หรือตัดให้เหลือเป็น**กิ่งแขนงสั้น (spur)** ซึ่งมีเพียง 2-3 ตา[6]