วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568

 ชีวิตจิตใจนั้นเป็นรากฐานแห่งมนุษย์  

ความปรารถนาเป็นประโยชน์ต่อการดำรงอยู่  

เมื่อธำรงรากฐานและเสริมประโยชน์ได้สมบูรณ์แล้ว  

สิ่งสำคัญยิ่งยวดมิเกินไปกว่าเครื่องนุ่งห่มและอาหาร  


เมื่อปัจจัยพื้นฐานอุดมสมบูรณ์  

ความปรีดาย่อมบังเกิดไม่สิ้นสุด  

ความสุขอันเลิศล้ำนั้นแฝงอยู่ในวิถีแห่งสามีภรรยา  

สอดคล้องกับธรรมชาติแห่งเพศภาวะ  


ส่วนยศถาบรรดาศักดิ์และชื่อเสียงทั้งปวง  

กลับเป็นสิ่งรองที่มนุษย์ไขว่คว้า  

การก่อร่างสร้างสรรค์ต่าง ๆ ล้วนตั้งต้นจากพื้นฐานนี้  

ดังฟ้าดินประสานจึงเกิดความสมดุล  

หยินหยางประสานจึงเกิดความกลมเกลียว  


แม้แต่อรรถาจารย์จ้งนี้นับว่าการสมรสเป็นสิ่งสำคัญ  

กวีเอกยังประพันธ์บทกลอนสรรเสริญความอุดมสมบูรณ์  

เมื่อสืบสาวถึงต้นตอแห่งสรรพสิ่ง  

ย่อมวนเวียนอยู่กับหลักการนี้  


จึงขอนำเสนอแนวคิดแห่งวิถีมนุษย์  

ทั้งรูปธรรมและนามธรรม  

ประมวลไว้ด้วยถ้อยคำอันประณีต  

ตั้งแต่ยามเยาว์วัยจวบจนวาระสุดท้าย  


แม้จะดูเป็นเรื่องสามัญ  

แต่แฝงไว้ซึ่งสัจธรรมอันล้ำค่า  

สมควรเรียกขานว่าบทบรรเลงแห่งความสุขแท้  

โดยรักษาสำนวนเดิมไว้ตามสมควร  

เพื่อมิให้เสียความหมายดั้งเดิม  

เมื่อสรรพสิ่งเริ่มแยกแย้งหยินหยาง  

เตาชุบชีวิตหลอมหล่อรูปทรง  

หลอมความแข็งแกร่งเป็นพลังชาย  

หล่อความอ่อนโยนเป็นธาตุหญิง  


ประดุจช่างฝีมือรังสรรค์สองสภาวะ  

ให้สมดุลแห่งฟ้าดินดำเนินไป  

ฝ่ายหนึ่งสถิตด้วยหลักการอันเด็ดเดี่ยว  

อีกส่วนประสานด้วยความนุ่มนวลสมวัย  


ตั้งแต่เยาว์วัยแห่งการก่อร่าง  

ดุจดอกไม้พราวน้ำค้างแย้มกลีบ  

เมื่อกาลเวลาผันผ่าน  

ความเปลี่ยนแปลงทางสรีระปรากฏ  


วัยเจริญพันธุ์ชโลมด้วยความสดใส  

ชายหนุ่มสง่างามเปรียบเทพบุตร  

หญิงสาวงามละมุนดุจเทพธิดา  

ผิวพรรณผุดผ่องดุจหิมะร่วง  


เมื่อถึงวัยอันควร  

พิธีวิวาห์จึงเริ่มขึ้น  

ตามครรลองประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์  

สองตระกูลประสานสัมพันธ์  


ในค่ำคืนอันงดงามแห่งพิธีกรรม  

เมื่อเครื่องประดับหมั้นประดับกาย  

ความบริสุทธิ์แห่งจิตใจปรากฏ  

สัมผัสแห่งไมตรีจิตประสานส่ง  


การประสานพลังหยินหยางดำเนินไป  

ตามครรลองธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์  

พลังชีวิตหลั่งไหลประหนึ่งธารา  

นำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนผล  


การรวมเป็นหนึ่งเดียวนี้  

คือพื้นฐานแห่งการสืบทอดชีวิต  

ตามหลักการสมดุลสากล  

ที่สรรพสิ่งล้วนอาศัยเป็นรากฐาน  

เมื่อสุรีย์ส่องค้างคาวกาล  

ปรัชญาสรรพะล้ำลึกถักทอ  

ศึกษาคัมภีร์หยินหยางโบราณ  

ถอดรหัสความสมานฉันท์แห่งสากล  


ในรัตติกาลอันวิเวก  

องค์หญิงร่ายรำท่วงทีพริ้ง  

ชายะอ่อนช้อยประดุจสายลม  

ร่ายรำประสานจังหวะจักรวาล  


การเคลื่อนไหวพริ้วไหวดุจคลื่น  

สัมผัสละเมียดประหนึ่งละอองจันทร์  

สัมพันธ์ฉันท์พลังคู่สลายัปราณ  

ประหนึ่งธารหลอมรวมสู่มหาสมุทร  


เมื่อฟ้าดินประสานจังหวะ  

อุบัติคลื่นชีพจรสลายัปราณ  

พลังหยางร่ายรำประดุจสุริยัน  

พลังหยินแผ่วพริ้วดุจจันทรา  


ท่วงท่าประสานดุจพิณสายเอก  

จังหวะเคลื่อนคล้อยประสานสามัคคี  

บางคราแผ่วบางประดุจสายหมอก  

บางขณะพลิ้วไหวดุจพายุพัด  


เมื่อพลังทั้งสองหลอมรวม  

ประหนึ่งเมล็ดพันธุ์งอกงามในธรณี  

หยาดชีพหลั่งไหลประหนึ่งธารา  

บังเกิดความอุดมในพสุธา  


ครั้นสิ้นสุดการร่ายรำแห่งสากล  

พลังคู่กลับสู่ความสงบนิ่ง  

ประดุจสายลมหยุดพัด  

ดุจแสงจันทร์ทอประกายบนผืนน้ำ  


องค์หญิงประทับทรงเครื่องอลังการ  

ฟื้นฟูพลังด้วยสุคันธลักษณ์  

ประดุจดอกบัวแย้มกลีบรับอรุณ  

ร่ายรำแห่งชีวิตเริ่มบทใหม่  

หญิงงามเลอโฉมผู้ร่ายรำ  

ท่วงท่าเชิญชวนดุจสายลมอ่อน  

เน้นสายตาอันเร้นลับคิ้วโก่ง弓  

รอยยิ้มดุจละอองจันทร์เรืองรอง  


มุกมังกรแวววาวใต้กลีบบัว  

ตุ้มหูมณีสะท้อนแสงไพลิน  

ย่างกรายดุจเมฆาเคลื่อนคล้อย  

วาจาไพเราะประดุจพิณทอง  


มวยผมสูงสง่าดุจเจดีย์  

ชายผ้าแพรวพราวราวปีกนกยูง  

กายาโอนเอวประดุจกิ่งไทรใหญ่  

เสียงขับขานสั่นสะท้านเวหา  


เมื่อรัศมีสุริยะสาดส่อง  

ใต้บัญชรแห่งปัญญาอันกระจ่าง  

ปลดปล่อยเครื่องประดับแห่งโลกีย์  

เข้าสู่ภาวะอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง  


ประสานพลังหยินหยางตามครรลอง  

ร่ายรำดุจมังกรเลื้อยพันเกี่ยว  

สัมผัสแห่งจักรวาลประสานจังหวะ  

ดวงตาเบิกบานรับรู้สัจธรรม  


สัมพันธ์ฉันท์พี่น้องในสากล  

หลอมรวมสัปปายะแห่งชีวิต  

ปฏิบัติตามวิถีเต๋าอันล้ำลึก  

ธำรงพลังหยินหยางให้สมดุล  


เมื่อจบพิธีกรรมแห่งจักรวาล  

เปล่งประกายชีวิตราวอัญมณี  

ฟื้นฟูเรือนกายาด้วยสุคนธ์  

ประดับองค์ใหม่ราวเทพธิดา  

**วสันตฤดู**  

เมื่อสายลมพัดปลุกพยับพลับ  

ชายหญิงร่มรื่นใต้ร่มครึ้ม  

รอยยิ้มอ่อนหวานประดุจตูมบัว  

มือประสานระคนความอ่อนน้อม  


เรือนร่างโอนเอวประหนึ่งกิ่งหลิว  

ชายผ้าโบกพลิ้วดุจปีกนกเค้าแมว  

เมฆาแปรปรวนในห้องสรีรม่าน  

กลิ่นจันทร์เจือละอองสุคันธ์เร้น  


**คิมหันตฤดู**  

เรือนไม้แจ่มจรัสด้วยแสงทอง  

เงาไม้เต้นรำบนพื้นศิลา  

สายน้ำพลิ้วไหวประหนึ่งแพรไหม  

สองสภาวะประสานเป็นเอกา  


ชายหญิงร่ายรำใต้ร่มพฤกษ์  

พัดวีชนีไล่คลายร้อนรน  

ฝีมือประดิษฐ์ดอกไม้ประดิษฐ์  

ดุจหงส์คู่ร่อนบนเวหาขจร  


**สารทฤดู**  

ใบไม้ทองร่วงโรยรอบเรือน  

สายลมพลิ้วพริ้วเพรียบพริ้งพราย  

ผ้าทอปักลายหงส์คู่รำ  

แสงจันทร์ทอประทีปให้คลายหนาว  


สายพิณบรรเลงบทสามัคคี  

สุคนธ์หอมระรื่นชื่นฤทัย  

สองดวงจิตประสานเป็นหนึ่งเดียว  

ประดุจสายน้ำหลอมรวมสู่ไพร  


**เหมันตฤดู**  

เรือนเร้น Warmth สุขุมาล  

ผ้าห่มลายหงส์คลุมกายา  

แสงเทียนสาดส่องประดุจดาว  

ความอบอุ่นซ่านซ่านไม่รู้คลาย  


แก้วมณีเรืองรองในม่านหมอก  

ชายหญิงประคองสุราพระร่วง  

ความรักร้อนแรงประหนึ่งไฟ  

ละลายน้ำแข็งแห่งกาลเวลา  


**บทส่งท้าย**  

สี่ฤท่วงทีแห่งสามัคคี  

ประดุจดอกบานไม่รู้โรย  

ความผูกพันดุจทางเดินเก่า  

ที่กาลเวลาไม่อาจทำลาย  


เมื่อกาลเวลาร่วงโรย  

สายธารีแห่งชีวิตก็ซาลง  

แม้เรือนร่างร่วงโรยตามวัย  

แต่ดวงจิตยังปรารถนาความสมานฉันท์  


ราชสำนักอันโอ่อ่า  

ขบวนริ้วหรี่จารึกประวัติศาสตร์  

ดนตรีบรรเลงบทสรรเสริญ  

เครื่องเซ่นสังเวยจากนานาประเทศ  


ภายใต้แสงประทีปทอง  

ศิลปินร่ายรำบทกวี  

ความงามแห่งวัฒนธรรมเจิดจรัส  

ประหนึ่งพู่กันวาดลงบนม่านไหม  


**สี่ฤดูแห่งวิถีมนุษย์**  

ความผูกพันฉันท์สายน้ำไหล  

ไม่อาจตัดขาดด้วยหิมะหนาว  

ความอบอุ่นซ่านซ่านในเรือนหิน  

ประดุจแสงเทียนท่ามกลางม่านหมอก  


**ความว้าเหว่แห่งปัจเจก**  

ดวงจิตไร้ที่พึ่งพิง  

เร่ร่อนในความฝันอันมืดมน  

แสวงหาความหมายแห่งการมีอยู่  

ท่ามกลางทางเดินที่เต็มไปด้วยเงาร้าง  


**พลังชีวิตกับกฎเกณฑ์สังคม**  

บางคราวความปรารถนาก็ปะทะ  

กับกำแพงแห่งจารีตประเพณี  

ความขัดแย้งระหว่างธรรมชาติกับวัฒนธรรม  

เป็นบทเพลงไม่มีที่สิ้นสุด  


แม้แต่ผู้ทรงภูมิปัญญา  

ยังต้องเผชิญความซับซ้อนแห่งจิตใจ  

พระภิกษุผู้แสวงหาธรรม  

ก็มิอาจหลีกเลี่ยงความปรารถนามนุษย์  


**ภาพสะท้อนสังคม**  

ชาวบ้านผู้ยากจน  

ใช้แรงกายสร้างสมชีวิต  

ใบหน้าที่หยาบกร้านด้วยลมฝน  

แต่หัวใจบริสุทธิ์ดุจธารา  


**บทสรุปแห่งกาลเวลา**  

ทุกสรรพชีวิตล้วนเป็นส่วนหนึ่ง  

ของจิ๊กซอว์แห่งจักรวาล  

ความรัก ความปรารถนา และความฝัน  

ต่างร้อยรัดเป็นโซ่แห่งอารยธรรม  

https://zh.m.wikisource.org/zh-hans/%E5%A4%A9%E5%9C%B0%E9%99%B0%E9%99%BD%E4%BA%A4%E6%AD%A1%E5%A4%A7%E6%A8%82%E8%B3%A6

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น