วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567


 

 16 กันยายน พุทธศักราช2567(คริสตศักราช2024)=เริ่ม

17 กันยายน พุทธศักราช2567(คริสตศักราช2024)=ไอ้โหย

18 กันยายน พุทธศักราช2567(คริสตศักราช2024)=ไฟดับ

19 กันยายน พุทธศักราช2567(คริสตศักราช2024)(วันนี้)=หมา(ไอ้หาวกัดแมวตอนให้ข้าวเช้า ตอนที่ยังอยู่ข้างบนยังอุ่นผัดไม่เสร็จ)



วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567

กฎหมายไว้ใช้ในแผน#2

กฎหมายไว้ใช้ในแผน#2

 มาตรา๓๙๐ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๙๑ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๙๒ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๙๓ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท


มาตรา๓๙๗ผู้ใด ในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๘๔ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๘๑ผู้ใดกระทำการทารุณต่อสัตว์ หรือฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกขเวทนาอันไม่จำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๘๒ผู้ใดใช้ให้สัตว์ทำงานจนเกินสมควร หรือใช้ให้ทำงานอันไม่สมควร เพราะเหตุที่สัตว์นั้นป่วยเจ็บ ชรา หรืออ่อนอายุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๗๘ผู้ใดเสพย์สุราหรือของเมาอย่างอื่น จนเปนเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวาย หรือครองสติไม่ได้ ขณะอยู่ในถนนสาธารณหรือสาธารณสถาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท


มาตรา๓๗๙ผู้ใดชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๗๒ผู้ใดทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณหรือสาธารณสถาน หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณหรือสาธารณสถาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท


มาตรา๓๐๙ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ถ้ากระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท


มาตรา๓๒๐ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกพาหรือส่งไปนั้นตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือเพื่อละทิ้งให้เป็นคนอนาถา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท


มาตรา๒๙๐ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี


ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี


มาตรา๒๙๔ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ ถึงแก่ความตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ


มาตรา๒๙๕ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๒๙๖ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๒๙๗ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี


อันตรายสาหัสนั้น คือ


(๑)ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท


(๒)เสียอวัยวะสืบพันธุ์หรือความสามารถสืบพันธุ์


(๓)เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว หรืออวัยวะอื่นใด


(๔)หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว


(๕)แท้งลูก


(๖)จิตพิการอย่างติดตัว


(๗)ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต


(๘)ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน


มาตรา๒๙๘ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา ๒๙๗ ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี


มาตรา๒๙๙ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ รับอันตรายสาหัสโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู่นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ


มาตรา๓๓๐ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่า ข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ


แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน


มาตรา๓๓๒ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง


(๑)ให้ยึดและทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท


(๒)ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา


มาตรา๓๓๔ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท


มาตรา๓๓๕ผู้ใดลักทรัพย์


(๑)ในเวลากลางคืน


(๒)ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิดอุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟหรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกัน หรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ


(๓)โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ


(๔)โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือเข้าทางช่องทางซึ่งผู้เป็นใจเปิดไว้ให้


(๕)โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอบหน้า หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้


(๖)โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน


(๗)โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป


(๘)ในเคหสถาน สถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้น ๆ


(๙)ในสถานที่บูชาสาธารณ สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน ที่จอดรถหรือเรือสาธารณ สาธารณสถานสำหรับขนถ่ายสินค้า หรือในยวดยานสาธารณ


(๑๐)ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์


(๑๑)ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง


(๑๒)ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์ หรือเครื่องมืออันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มาจากการกสิกรรมนั้น


ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท


ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราดังกล่าวแล้วตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท


มาตรา๓๓๖ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท


ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท


ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสองหมื่นบาท


ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท


มาตรา๓๓๗ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท


ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย


(๑)ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ


(๒)มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ


ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท


มาตรา๓๓๘ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท


มาตรา๓๓๙ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ


(๑)ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป


(๒)ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น


(๓)ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้


(๔)ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ


(๕)ให้พ้นจากการจับกุม


ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท


ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดแห่งมาตรา ๓๓๕ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท


ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท


ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท


ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท


มาตรา๓๔๖ผู้ใด เพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ชักจูงผู้หนึ่งผู้ใดให้จำหน่ายโดยเสียเปรียบซึ่งทรัพย์สิน โดยอาศัยเหตุที่ผู้ถูกชักจูงมีจิตอ่อนแอหรือเป็นเด็กเบาปัญญาและไม่สามารถเข้าใจตามควรซึ่งสาระสำคัญแห่งการกระทำของตน จนผู้ถูกชักจูงจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๕๘ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๒๒ผู้ใดเปิดผนึกหรือเอาจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารใด ๆ ซึ่งปิดผนึกของผู้อื่นไป เพื่อล่วงรู้ข้อความก็ดี เพื่อนำข้อความในจดหมายโทรเลขหรือเอกสารเช่นว่านั้นออกเปิดเผยก็ดี ถ้าการกระทำนั้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๔๑ผู้ใด โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๔๒ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ


(๑)แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ


(๒)อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง


ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๔๓ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา ๓๔๒ อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

มาตรา๓๔๕ผู้ใดสั่งซื้อและบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือเข้าอยู่ในโรงแรม โดยรู้ว่าตนไม่สามารถชำระเงินค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม หรือค่าอยู่ในโรงแรมนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา๓๔๖ผู้ใด เพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ชักจูงผู้หนึ่งผู้ใดให้จำหน่ายโดยเสียเปรียบซึ่งทรัพย์สิน โดยอาศัยเหตุที่ผู้ถูกชักจูงมีจิตอ่อนแอหรือเป็นเด็กเบาปัญญาและไม่สามารถเข้าใจตามควรซึ่งสาระสำคัญแห่งการกระทำของตน จนผู้ถูกชักจูงจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567

 ตำแหน่งจี= ราศีธนู กลุ่มดาวคนแบกงู กลุ่มดาวแท่นบูชา

ตำแหน่งปี(กำแพง)= เปกาซัส(ม้าบิน) กลุ่มดาวแอนโดรเมดา ราศีมีน กลุ่มดาวซีตัส

ตำแหน่งอี้= กลุ่มดาวถ้วย กลุ่มดาวงูไฮดรา กลุ่มดาวเซ็กซ์แทนต์ กลุ่มดาวเครื่องสูบลม กลุ่มดาวใบเรือ

ตำแหน่งเจิ่น= กลุ่มดาวนกกา กลุ่มดาวงูไฮดรา กลุ่มดาวคนครึ่งม้า

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2567

เขียนตำราพิชัยสงครามขึ้นมาคุมแมว(เขียนครั้งแรก: วันพุธ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2567(ค.ศ.2024) เวลา:21นาฬิกา29นาที) ถ้าไม่สามารถคุมแมวในระยะยาวได้ ถึงระบายอารมณ์ไปก็เปล่าประโยชน์

  เขียนตำราพิชัยสงครามขึ้นมาคุมแมว(เขียนครั้งแรก: วันพุธ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2567(ค.ศ.2024) เวลา:21นาฬิกา29นาที) ถ้าไม่สามารถคุมแมวในระยะยาวได้ ถึงระบายอารมณ์ไปก็เปล่าประโยชน์

เขียนตำราพิชัยสงครามขึ้นมาคุมแมว(เขียนครั้งแรก: วันพุธ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2567(ค.ศ.2024) เวลา:21นาฬิกา29นาที)

 เขียนตำราพิชัยสงครามขึ้นมาคุมแมว(เขียนครั้งแรก: วันพุธ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2567(ค.ศ.2024) เวลา:21นาฬิกา29นาที)

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2567

พิชัยสงครามจอห์นนี่ พิชัยสงครามปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์ how to win war

 พิชัยสงครามจอห์นนี่ พิชัยสงครามปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์ how to win war

เขียนครั้งแรก: วันพุธ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2567(ค.ศ.2024) เวลา:21นาฬิกา29นาที
เขียนครั้งที่2: วันพฤหัสบดี 1 สิงหาคม พ.ศ.2567(ค.ศ.2024) เวลา:05นาฬิกา22นาที


หากขาดแหล่งน้ำอาจแพ้สงคราม หากมีแหล่งน้ำอาจชนะสงคราม อย่าให้อีกฝ่ายมีแหล่งน้ำ ให้เรามีหรือใช้แหล่งน้ำ ในสงครามอุมมาลากาซ ลากาซเปลี่ยนเส้นทางน้ำ อุมมาจึงขาดน้ำ ทัพอุมมาแพ้สงครามในเวลาต่อมา สงครามสิบกษัตริย์ในแคว้นปัญจาบ สุทัศพังเขื่อนให้น้ำท่วมจึงชนะ มากใช่ว่าจะชนะ ยิ่งใหญ่ใช่ว่าจะชนะ เกรียงไกรใช่ว่าจะชนะ ปราการธรรมชาติกั้นขวาง หากจะบุกย่อมต้องสูญเสียมาก แม่น้ำเชี่ยวกราก ลมมรสุมพัดแรง น้ำกว้างใหญ่และลึก ไร้ทางข้ามไป หากคิดจะข้ามไป แม้จะชนะ ก็อาจสูญเสียมาก มากใช่ว่าจะชนะน้อย มากกว่าใช่ว่าจะชนะน้อยกว่า สงครามไม่ควรรอ สงครามควรทันที เมื่อโจมตีควรโจมตีทันที ไม่ควรรอ ไม่ควรรอใครมาช่วย ไม่ควรใช้กำลังเสริม ควรใช้แต่กำลังของตัวเองฝ่ายเดียว ขจัดการรอเวลา กำจัดศัตรูทันที เราไม่เสียเวลา ฝ่ายตรงข้ามไม่มีเวลาตั้งตัว เมื่อเราไม่รอ เราจึงไม่เสียเวลา เมื่อเราไม่เสียเวลา กำลังเราจึงไม่เสียหาย ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามล้อมเรา ชนะ ใช่ว่าสงครามครั้งต่อไปจะชนะ ชนะหลายครั้ง ใช่ว่าสงครามครั้งต่อไปจะชนะ ชนะหลายครั้ง ใช่ว่าจะชนะทุกครั้ง เหตุนี้ ซุนจื่อจึงว่า รบร้อยชนะร้อย ไม่ใช่ยอดเยี่ยมในยอดเยี่ยม ไม่รบแต่ชนะฝ่ายตรงข้ามคือยอดเยี่ยมในยอดเยี่ยม สงครามไม่ได้มีอย่างน้อยสองคือแพ้ชนะ แต่สงครามมีอย่างน้อยสี่คือ แพ้ ชนะ เป็น ตาย เหตุนี้ แม่ทัพไร้ความสามารถ ไม่ฟังคำผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถ จึงแพ้ จึงตาย แม่ทัพไร้ความสามารถ ฟังคำผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถ จึงชนะ จึงเป็น น้อยก็ชนะได้ ด้อยกว่าก็ชนะได้ วิธีรบด้อยกว่าก็ชนะได้ อาวุธด้อยกว่าก็ชนะได้ วิทยาการด้อยกว่าก็ชนะได้ มากก็แพ้ได้ เหนือกว่าก็แพ้ได้ วิธีรบเหนือกว่าก็แพ้ได้ อาวุธเหนือกว่าก็แพ้ได้ วิทยาการเหนือกว่าก็แพ้ได้ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า มากใช่ว่าจะดี ไม่สุ่มไม่เสี่ยง ไม่สุ่มเสี่ยง คาดคะเนฝ่ายตรงข้ามแม่นยำเที่ยงตรง ก็ชนะได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาแม้มีความสามารถ ก็ไม่ควรใช้ผู้ที่อยู่ตรงข้ามเรา ไม่ควรใช้ผู้ที่ไม่มีจิตใจฝักใฝ่ด้วยเรา ไม่ควรใช้ผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามเรา ไม่ควรใช้ผู้ที่เคยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา ไม่ควรใช้ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายตรงข้ามเรา หากใช้จะแพ้ เหตุนี้ พึงเลือก ผู้มีความสามารถที่อยู่กับเรา ผู้มีความสามารถที่มีจิตใจฝักใฝ่ด้วยเรา ผู้มีความสามารถที่เป็นฝ่ายเดียวกับเรา ผู้มีความสามารถที่ไม่เคยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา ผู้มีความสามารถที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายตรงข้ามเรา มาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา หากมีแหล่งน้ำอาจชนะสงคราม หากขาดแหล่งน้ำอาจแพ้สงคราม เหตุนี้ จึงห้ามทำสงครามในที่ขาดแหล่งน้ำ เหตุนี้ จึงห้ามทำสงครามในที่แล้ง ฝ่ายเราแจ้งข่าว แจ้งข้อมูลสำคัญ จะไม่ใช้ข่าวนั้น จะไม่ใช้ข้อมูลนั้น จะไม่ให้ความสำคัญ ไม่ได้ หากเป็นการขอความช่วยเหลือ จะเพิกเฉยไม่ได้ หากไม่มีโอกาสตอบโต้กลับได้จะแพ้ หากฝ่ายตรงข้ามไม่มีช่องว่างเราจะแพ้ หากฝ่ายตรงข้ามมีผู้คนหน้าที่ต่างกันความสามารถต่างกันประสานงานกันอย่างดีเป็นคนๆเดียวกัน เราจะแพ้ วิธีการรบแม้จะดี ใช่ว่าจะชนะ วิธีการรบแม้จะดี ใช่ว่าจะมีประสิทธิภาพ วิธีการรบแม้จะชนะ ใช่ว่าจะชนะทุกครั้ง เหตุนี้ ทุกวิธีการรบจึงล้วนมีช่องว่างทั้งหมด ไม่มีวิธีการรบใดไม่มีช่องว่าง เหตุนี้ หากฝ่ายตรงข้ามรู้วิธีการรบของเรา เราจะแพ้ เหตุนี้ จึงพึงเปลี่ยนวิธีการรบไปตามสถานการณ์ ไม่ควรใช้วิธีการรบในอดีตเป็นหลัก ควรใช้ความคิดตัวเอง หากไม่อาจชนะวิธีการรบของฝ่ายตรงข้ามได้ จะแพ้ หากไม่อาจเปลี่ยนวิธีการรบของเราตามวิธีการรบของฝ่ายตรงข้าม จะแพ้ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า รบอย่างสามัญ ชนะอย่างพิสดาร เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า สามัญพิสดารพลิกผัน เห็นไม่รู้จบ เหมือนวงกลมไม่มีจุดเริ่มต้น จะมีจุดสิ้นสุดได้ยังไง เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ชัยชนะไม่ซ้ำซาก แต่ไม่รู้จบตามรูปลักษณ์ หากตัดสินใจรอให้อีกฝ่ายหมดปัจจัย เราจะแพ้ หากฝ่ายตรงข้ามไม่ขาดแคลน หากฝ่ายตรงข้ามลำเลียงอย่างดี หากฝ่ายตรงข้ามส่งบำรุงอย่างดี เราจะแพ้ ฝ่ายตรงข้ามถอยทัพอย่าได้ตาม เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า แสร้งถอยอย่าไล่ อ่อยเหยื่ออย่ากิน คืนถิ่นอย่าขวาง หากฝ่ายตรงข้ามตัดกำลังเรา หากฝ่ายตรงตัดเส้นทางเรา เราจะแพ้ หากฝ่ายตรงข้ามโจมตีไม่หยุด เราจะแพ้ หากฝ่ายตรงข้ามมาจากทุกทิศทาง เราจะแพ้ หากเราสับสน เราจะแพ้ หากไร้ความสามารถ หากพาพวกเราไปแพ้ พวกเราจะไม่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา หากพวกเราไม่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา หากพวกเราต่อต้านเรา เราจะแพ้ หรือ เราจะถูกสังหาร เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยังไม่สนิท จะกระด้างกระเดื่อง กระด้างกระเดื่องแล้วจะใช้ยาก ผู้ใต้บังคับบัญชาสนิท ไม่ยอมรับการลงโทษ ไม่ควรใช้ กล่อมเกลาด้วยคุณธรรม ให้พร้อมเพรียงด้วยวินัย เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนทารก จะร่วมลุยห้วยเหว ใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนลูกรัก จะร่วมเป็นร่วมตาย ถนอมแต่ใช้ไม่ได้ รักแต่สั่งไม่ได้ ผิดแต่คุมไม่ได้ ก็เหมือนเด็กดื้อเอาแต่ใจใช้ไม่ได้ แผนถึงดี หากไม่อาจดำเนินการ ก็เปล่าประโยชน์ เหตุนี้ จึงควรใช้แผนที่ดำเนินการได้ ไม่ควรใช้แผนที่ดำเนินการไม่ได้ เมื่อทำสงคราม ควรทำสงครามทันทีโดยไม่มีกำหนดการ ควรทำสงครามทันทีโดยไม่นัดหมายล่วงหน้า ควรทำสงครามทันทีโดยไม่บอกฝ่ายเราล่วงหน้า ควรทำสงครามทันทีโดยไม่บอกผู้ใต้บังคับบัญชาล่วงหน้า ไม่บอกแผนให้กับฝ่ายเรา ไม่บอกแผนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่มีกำหนดการล่วงหน้า ไม่มีนัดหมายล่วงหน้า ทำสงครามทันที ทำสงครามกะทันหัน จึงจะรู้แพ้รู้ชนะ การเตรียมการสงคราม ควรเป็นการเตรียมการเสร็จในทันที ควรเป็นการเตรียมการที่ไม่ใช้เวลา ไม่ควรเป็นการเตรียมการที่ใช้เวลา ไม่ควรเป็นการเตรียมการที่รอเวลา หากไม่อาจชนะใจพวกเราได้ หากไม่อาจครองใจพวกเราได้  หากพวกเราต่อต้านเรา อาจนำเราไปสู่ความตาย เราไม่ควรมีศัตรู เราไม่ควรมีผู้ต่อต้าน เราไม่ควรมีฝ่ายตรงข้าม ไม่ควรมีใครเสียประโยชน์เพราะเรา เราไม่ควรได้ประโยชน์ ทุกคนได้ประโยชน์เพราะเรา ไม่มีใครแพ้เพราะเรา ไม่มีใครเสียอำนาจเพราะเรา ไม่มีใครเสียผลประโยชน์เพราะเรา ไม่มีใครเสียประโยชน์เพราะเรา ไร้ความขัดแย้ง เราจึงไม่ตาย มีชื่อเสียงใช่ว่ามีความสามารถ เหตุนี้ ถึงมีชื่อเสียงว่าไร้พ่ายใช่ว่าไร้พ่าย ไม่ควรถูกยั่วยุด้วยข้อมูลข่าวสารที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมาเอง ไม่ควรเคลื่อนไหวด้วยข้อมูลข่าวสารที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมาเอง ไม่ควรกำหนดวิธีรบด้วยข้อมูลข่าวสารที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมาเอง เหตุนี้ จึงพึงปล่อยข้อมูลข่าวสารลวงให้ฝ่ายตรงข้าม เหตุนี้ หากฝ่ายตรงข้ามต้องการรู้ข้อมูลข่าวสารเรา จึงพึงให้ข้อมูลข่าวสารลวงให้ฝ่ายตรงข้าม  ผ่านดินแดนมาได้โดยไร้การต่อต้าน ผ่านมาได้โดยฝ่ายตรงข้ามไม่ป้องกัน ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่เตรียมพร้อม ไร้การต่อต้านจากฝ่ายตรงข้าม ใช่ว่าเราจะชนะ พาหนะไม่อาจขึ้นเขาได้ พาหนะไม่อาจรบบนเขตเขาได้ พาหนะไม่อาจชนะเขตเขาได้ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ที่สูงอย่าบุก อิงเนินอย่ารุก เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ข้ามเขาให้ข้ามหุบห้วย ตั้งทัพที่สูงโล่งแจ้ง อย่าบุกที่สูง นี้คือการบัญชาทัพในเขตเขา เหตุนี้ จึงห้ามโจมตีเขตเขา เหตุนี้ จึงห้ามโจมตีที่สูง เหตุนี้ หม่าซู่ตั้งทัพบนภูเขา ทัพเว่ยไม่โจมตีภูเขา ทัพเว่ยล้อมเขาไว้ เหตุนี้ หม่าซู่จึงแพ้ ทัพเว่ยจึงชนะ การถอยทัพโดยมากเป็นการกลับไปที่เดิม การถอยทัพโดยมากเป็นการใช้เส้นทางเดิม เหตุนี้ฝ่ายตรงข้ามใช้เส้นทางใด ตอนถอยทัพก็ใช้เส้นทางนั้น เหตุนี้ หากรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้เส้นทางใดบุก ก็ใช้เส้นทางนั้นกำหนดวิธีรบ ปิดฉากการถอยทัพของฝ่ายตรงข้าม เหตุนี้ หากรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้เส้นทางใดบุก จึงควรปิดต้นทางนั้นไว้ เหตุนี้ การถอยทัพ ห้ามใช้เส้นทางเดิม เหตุนี้ การถอยทัพ ขาไปต้องเป็นคนละเส้นทางกับขากลับ หากเราไม่มีปัญหา ฝ่ายตรงข้ามจะไม่โจมตี หากเราไม่ขัดแย้ง ฝ่ายตรงข้ามจะไม่โจมตี หากถูกโจมตีตลบหลังจะแพ้ ไม่ควรแบ่งออกเป็นหลายขบวน ไม่ควรแบ่งออกเป็นหลายกอง ไม่ควรมีใครนำหน้า ไม่ควรมีใครตามหลัง ทัพต้องไม่ยืดยาว ทุกขบวนควรเป็นขบวนเดียวกัน ทุกกองควรเป็นกองเดียวกัน ไม่มีใครถึงก่อน ไม่มีใครถึงทีหลัง ไม่ควรมีใครอยู่หน้า ไม่ควรมีใครอยู่หลัง ไม่มีกองหน้า ไม่มีกองหลัง ไม่มีกองซ้าย ไม่มีกองขวา ทุกอย่างสำหรับสงครามรวมอยู่ในกองเดียว ทุกอย่างสำหรับสงครามรวมอยู่ในกองเดียว เดินทัพพร้อมกัน ไม่ใช้คนละเส้นทาง ใช้เส้นทางเดียวกัน เราจึงไม่สูญเสีย หากเราเหนื่อย เราจะแพ้ หากเราสูญเสีย เราจะแพ้ หากไม่อาจชนะธรรมชาติได้ หากไม่อาจควบคุมธรรมชาติ หากไม่อาจปรับตัวตามธรรมชาติได้ เราจะสูญเสีย เราจะแพ้ สภาพอากาศลำบาก เดินทางลำบาก เราจะแพ้ เราควรทำสงครามเดียว หากทำหลายสงครามพร้อมกัน เราจะแพ้ สูญเสียโอกาสชนะ หากเราไม่เป็นที่นิยม เราจะถูกแทรกแซง หากเราเป็นที่นิยม เราจะไม่ถูกแทรกแซง ธรรมชาติที่ลำบาก เราจะแพ้ ความเห็นแก่ตัว จะทำให้ทุกคนต่อต้าน ความเห็นแก่ตัว จะทำให้เราแพ้ ความเห็นแก่ตัว จะทำให้เราตาย เหตุนี้ เห็นแก่ผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว จะชนะใจคน ซ้อมรบทุกวัน ผู้ใต้บังคับบัญชาจะพร้อมรบ ซ้อมรบทุกวัน จะชนะ ไร้โรคภัยไร้ความเจ็บป่วยไร้ความเจ็บปวดไร้ความเจ็บ จะชนะ หากอยู่รอดได้ในธรรมชาติ จะชนะ หากอยู่รอดได้ในธรรมชาติของที่รบ จะชนะ ทำสงครามแม้ควรทำสงครามกะทันหัน ก็ควรเตรียมพร้อมก่อนทำสงคราม ไม่ได้เตรียมพร้อม ทำสงครามกะทันหัน จะแพ้ เตรียมพร้อมทันที ทำสงครามกะทันหันหลังเตรียมพร้อมเสร็จ จะชนะ เสบียงอาหารสำคัญ หากขาดจะแพ้ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า เสบียงสมบูรณ์ชัยภูมิมั่นคงไพร่พลจักปราศจากโรคภัย เหตุนี้ พึงอย่าให้ฝ่ายตรงข้ามชิงเสบียง พึงอย่าให้ฝ่ายตรงข้ามตัดเสบียง พึงอย่าให้ฝ่ายโจมตีเสบียง พึงอย่าให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีแหล่งเสบียง พึงอย่าให้ฝ่ายตรงข้ามทำลายเสบียง พึงอย่าให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเสบียง พึงอย่าให้ฝ่ายตรงข้ามรู้เส้นทางเสบียง พึงอย่าให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ที่อยู่เสบียง เหตุนี้ พึงชิงเสบียงจากฝ่ายตรงข้าม เหตุนี้จึงพึงชิงเสบียงจากที่รบ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า เอาข้าวข้าศึกหนึ่งจงเท่ากับของเราสิบจง เอาอาหารสัตว์หนึ่งสือเท่ากับของเรายี่สิบสือ เหตุนี้ หากชิงเสบียงข้าศึกไม่ได้ หากชิงเสบียงจากที่รบไม่ได้ พึงปลูกเสบียง พึงเลี้ยงเสบียง อย่าให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ ซุนจื่อว่า ข่มศัตรูด้วยแสนยานุภาพ ยึดเมือง ล่มประเทศได้ ซุนจื่อว่า ชนะได้ดินแดน ไม่เสริมให้มั่นคงแกร่งเข้มงวดกวดขัน สิ้นเปลืองอย่างสูญเปล่า เหตุนี้ หากกำลังไม่พอรักษาดินแดน พึงทำให้พอ เหตุนี้ หากกำลังไม่พอรักษาดินแดน พึงทำให้ดินแดนพอรักษาได้ด้วยกำลังของเรา พึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ประโยชน์จากการยอมแพ้เรา พึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นอันตรายจากการไม่ยอมแพ้เรา ฝ่ายตรงข้ามจะกลายเป็นฝ่ายเรา พึงรบในที่อุดมสมบูรณ์ พึงรบในที่ไม่ขาดแคลน กำลังไม่มีความสามารถครบทุกด้าน กำลังมีความสามารถไม่ครบทุกด้าน กำลังไม่มีประสบการณ์ จะแพ้ กำลังมีความสามารถครบทุกด้าน กำลังมีประสบการณ์ กำลังผ่านศึก กำลังชาญศึก จะชนะ หากแพ้ กำลังเสียกำลังใจ เสียใจสู้รบ หวาดกลัว ตื่นตระหนก อกสั่น ขวัญแขวน สับสน ตึงเครียด ไม่รู้จะทำยังไง วิตกกังวล ขวัญกำลังใจตกต่ำ จะแพ้ เหตุนี้ พึงโจมตีผู้แพ้ พึงโจมตีผู้เสียกำลังใจ พึงโจมตีผู้เสียใจสู้รบ พึงโจมตีผู้หวาดกลัว พึงโจมตีผู้ตื่นตระหนก พึงโจมตีผู้อกสั่น พึงโจมตีผู้ขวัญแขวน พึงโจมตีผู้สับสน พึงโจมตีผู้ตึงเครียด พึงโจมตีผู้ไม่รู้จะทำยังไง พึงโจมตีผู้วิตกกังวล พึงโจมตีผู้ขวัญกำลังใจตกต่ำ จะชนะ หากกระจายกำลัง ไม่อาจรับศึกในทันที ไม่อาจเตรียมตัวรับศึก ไม่อาจเตรียมพร้อมรับศึก ไม่อาจรวมกำลัง จะแพ้ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า เราพึงรวม แต่ข้าศึกกระจาย เรารวมเป็นหนึ่ง แต่ข้าศึกแยกเป็นสิบ หากเราถูกปล้น เราจะแพ้ หากผู้บัญชาการแข่งขันกัน หากผู้บัญชาการขัดแย้งกัน หากผู้บัญชาการอิจฉาริษยากัย หากผู้บัญชาการแย่งชิงกัน หากผู้บัญชาการเอาชนะกัน เราจะแพ้ หากเราเป็นที่นิยมมากไปจนเป็นคู่แข่งผู้อื่น หากเรามีอิทธิพลมากไปจนเป็นคู่แข่งผู้อื่น หากเราพัวพันกับการต่อต้านฝ่ายใด เราจะตาย หากเราไม่เป็นที่นิยมเป็นคู่แข่งคนอื่น หากเราไม่มีอิทธิพลเป็นคู่แข่งคนอื่น หากเราไม่พัวพันกับการต่อต้านฝ่ายใด เราจะไม่ตาย เหตุนี้ จึงมิแสดงตัว เหตุนี้ จึงมิพึงแสดงออก เหตุนี้ จึงมิพึงประกาศตัวเอง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แลกกันแพ้แลกกันชนะ การทำสงครามแบบกล้าแลก กล้าได้กล้าเสีย ใช่ว่าจะชนะ หากกำลังขาดแคลน จะแพ้ หากขาดกำลัง จะแพ้ ไม่สนิทชิดใกล้กับใคร ไม่มีอิทธิพล เราจึงไม่ตาย ชำนาญอย่างเดียว จะแพ้ ชำนาญทุกอย่าง จะชนะ เหตุนี้ กำลังต้องชำนาญทุกอย่าง เหตุนี้ กำลังต้องทำได้ทุกอย่าง เหตุนี้ กำลังจึงไม่ควรประกอบด้วยผู้ที่รบเป็นอย่างเดียว พึงรวมผู้คนทั่วไปจากทุกด้านรวมเป็นกำลังเดียวกัน พึงรวมผู้ชำนาญจากทุกอาชีพรวมเป็นกำลังเดียวกัน พึงรวมผู้ชำนาญจากทุกด้านรวมเป็นกำลังเดียวกัน พึงรวมผู้ชำนาญจากทุกงานรวมเป็นกำลังเดียวกัน ไม่ควรใช้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงอย่างเดียว ทุกเวลาคือเวลาทำสงคราม หากไม่เตรียมตัวรบ หากไม่เตรียมตัวทำสงคราม หากไม่เตรียมตัวรบตลอดเวลา หากไม่เตรียมตัวทำสงครามตลอดเวลา ฝ่ายตรงข้ามทำสงครามกะทันหัน เราจะแพ้ หากทำสงครามในตอนที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เตรียมพร้อม หากทำสงครามตอนที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทำสงคราม หากทำสงครามในตอนที่ฝ่ายตรงข้ามไม่คิดทำสงคราม เราจะชนะ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า อย่าหวังข้าศึกไม่มา เราพึงเตรียมตัวให้พร้อม อย่าหวังข้าศึกไม่ตี เราพึงทำให้มิอาจโจมตี ไม่ควรมั่นใจว่าเราจะชนะ ไม่ควรมั่นใจว่าหากเราโจมตีเราจะชนะ หากน้ำท่วม หากเขื่อนถูกทำลาย หากทุกที่เต็มไปด้วยน้ำ หากทุกที่เต็มไปด้วยโคลน หากทุกที่เต็มไปด้วยหล่ม หากติดหล่ม ทั้งหมดเหล่านี้ จะทำให้การเดินทัพถูกขัดขวาง เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ข้ามน้ำพึงรีบผละห่าง ข้าศึกข้ามน้ำอย่าตี อย่าออกปะทะกลางน้ำ พึงนำทัพแสร้งถอยให้ข้าศึกข้ามน้ำกึ่งหนึ่ง จึงตี จักได้ อย่ารับศึกใกล้น้ำ อย่าตั้งค่ายใต้น้ำ นี้คือการบัญชาทัพในเขตน้ำ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ที่ราบลุ่มโคลนตม พึงเร่งจากไปอย่าใช้ หากจำเป็นต้องรบในที่ราบลุ่มโคลนตม พึงยึดแหล่งน้ำมีหญ้าหลังอิงแมกไม้ นี้คือการบัญชาทัพในที่ราบลุ่มโคลนตม ไม่มีใครรู้เรื่องฝ่ายตรงข้ามดีกว่าฝ่ายตรงข้ามเอง หากต้องการรู้ข้อมูลฝ่ายตรงข้าม พึงหาข้อมูลจากฝ่ายตรงข้ามเอง เมื่อรู้ฝ่ายตรงข้าม ก็กำหนดวิธีรบได้ กำหนดวิธีรบได้ ก็ชนะได้ หากต้องการได้พวกฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวกเรา พึงหาผู้ที่ได้ประโยชน์หากเราชนะ พึงหาผู้ที่เสียประโยชน์หากฝ่ายตรงข้ามชนะ พึงหาผู้ที่ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับฝ่ายตรงข้าม พึงหาผู้ที่ขัดแย้งกับฝ่ายตรงข้าม พึงหาผู้ที่ไม่ลงรอยกับฝ่ายตรงข้าม พึงหาผู้ที่คิดแตกต่างกับฝ่ายตรงข้าม พึงหาผู้ที่คิดไม่เหมือนฝ่ายตรงข้าม ไม่ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับฝ่ายตรงข้าม ไม่เสียผลประโยชน์หากฝ่ายตรงข้ามชนะ ไม่ได้ผลประโยชน์หากเราชนะ เข้ามาหาเรากะทันหัน อย่าได้ไว้ใจ หากพวกเราทรยศเรา ให้ฆ่าเสีย อย่าได้ให้มีชีวิตรอด เหตุนี้ พึงทำให้พวกเราได้ผลประโยชน์หากเราชนะ เหตุนี้พึงทำให้พวกเราไม่เสียผลประโยชน์หากเราชนะ เหตุนี้พึงทำให้พวกเราเสียผลประโยชน์หากฝ่ายตรงข้ามชนะ เหตุนี้พึงทำให้พวกเราไม่ได้ผลประโยชน์หากฝ่ายตรงข้ามชนะ เหตุนี้ จึงพึงทำให้พวกเรารู้ว่าหากเราชนะพวกเราได้ผลประโยชน์ หากฝ่ายตรงข้ามชนะเราเสียผลประโยชน์ ดังนี้ จะไม่มีผู้ทรยศ ดังนี้ จะไม่พวกเราไปเข้าฝ่ายตรงข้าม ไม่ควรทำลายเสบียงอาหารทรัพยากรในที่รบ พึงเก็บเสบียงอาหารทรัพยากรในที่รบในทันทีไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวตั้งตัวติดได้ทัน เหตุนี้ หากฝ่ายตรงข้ามทำลายเสบียงอาหารทรัพยากรของฝ่ายตรงข้ามเองเสียเอง พึงปลูกพืชพึงเลี้ยงสัตว์พึงสร้างทรัพยากรใหม่ขึ้นมาแทนที่ อาวุธหมด เราจะแพ้ วิทยาการหมด เราจะแพ้ เสบียงอาหารทรัพยากรหมด เราจะแพ้ เครื่องมือหมด เราจะแพ้ เหตุนี้ พึงอย่าให้อีกฝ่ายได้อาวุธเรา พึงอย่าให้อีกฝ่ายทำลายอาวุธเรา พึงอย่าให้อีกฝ่ายได้วิทยาการเรา พึงอย่าให้อีกฝ่ายทำลายวิทยาการเรา พึงอย่าให้อีกฝ่ายได้เสบียงอาหารทรัพยากรเรา พึงอย่าให้อีกฝ่ายทำลายเสบียงอาหารทรัพยากรเรา พึงอย่าให้อีกฝ่ายได้เครื่องมือเรา พึงอย่าให้อีกฝ่ายทำลายเครื่องมือเรา เหตุนี้ จึงพึงชิงอาวุธฝ่ายตรงข้าม พึงทำลายอาวุธฝ่ายตรงข้าม พึงชิงวิทยาการฝ่ายตรงข้าม พึงทำลายวิทยาการฝ่ายตรงข้าม พึงชิงเสบียงอาหารทรัพยากรฝ่ายตรงข้าม พึงทำลายเสบียงอาหารทรัพยากรฝ่ายตรงข้าม พึงชิงเครื่องมือฝ่ายตรงข้าม พึงทำลายเครื่องมือฝ่ายตรงข้าม ตีเมืองใช่ว่าจะชนะ มีเครื่องมือ มีวิทยาการใช่ว่าจะชนะ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า เลวสุดคือตีเมือง เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ตีเมืองเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะการเตรียมรถโล่ การเตรียมยุทโทปกรณ์ สามเดือนจึงแล้วเสร็จ การถมเนินเข้าตีเมือง ต้องสามเดือนจึงลุล่วง แม่ทัพจักกลั้นโทสะมิได้ ทุ่มทหารเข้าตีดุจมดปลวก ทหารต้องล้มตายหนึ่งในสาม แต่เมืองก็มิแตก นี้คือความวิบัติจากการตีเมือง เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า การบัญชาทัพชั้นเอกคือชนะด้วยอุบาย ล้อมเมืองไว้นาน โจมตีเมืองไว้นาน ทำสงครามไว้นาน แม้จะชนะ ใช่ว่าไม่สูญเสีย หากฝ่ายอื่นโจมตีเราในตอนนั้นทันที เราก็จะแพ้ สงครามที่ใช้เวลานาน หากฝ่ายเราสูญเสียไปจำนวนมาก ถึงชนะ ก็ไม่อาจเสริมดินแดนที่ยึดมาได้ให้มั่นคง ไม่อาจรักษาดินแดนไว้ได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องสูญเสียไปจำนวนมาก ผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะต่อต้าน พันธมิตรก็จะต่อต้าน พันธมิตรก็ทิ้ง มิตรก็หาย ห้ามเดินทัพผ่านเส้นทางที่ธรรมชาติอาจทำให้เราตาย ห้ามเดินทัพผ่านเส้นที่ภูมิประเทศอาจทำให้เราตาย ห้ามเดินทัพผ่านเส้นทางที่พื้นที่อาจทำให้เราตาย เส้นทางลำบากอย่าเดินทัพผ่าน หากหมดกำลังใจจะแพ้ หากสิ้นหวังจะแพ้ หากเราถูกล้อม เราจะแพ้ ในระหว่างการเตรียมการ ในระหว่างการเตรียมพร้อม หากเราถูกโจมตี หากเราถูกขัดขวาง เราจะแพ้ หากเราถูกซุ่มโจมตี เราจะแพ้ เหตุนี้จึงพึงซุ่มโจมตีฝ่ายตรงข้าม สงครามยาวนาน เผชิญความวุ่นวาย ทั้งภายในภายนอก สงครามภายนอก สงครามกลางเมือง เศรษฐกิจตกต่ำ เงินของแผ่นดินสูญเสีย เงินของแผ่นดินน้อยลง หากถูกโจมตีทันทีในตอนนั้นก็จะแพ้ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า ที่ว่ารบยืดเยื้อเป็นผลดีแก่ประเทศชาติก็ไม่มีมาก่อน เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า การทำศึกจึงสำคัญที่รวดเร็ว ใช่ที่ยืดเยื้อ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า พึงทำศึกรวดเร็ว เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า กรีทาทัพสิบหมื่น ออกรบพันลี้ ฝ่ายราษฎร์ต้องจ่าย ฝ่ายหลวงต้องใช้ สิ้นเปลืองวันละพันตำลึงทอง ดังนี้จึงกรีธาทัพสิบหมื่นได้ เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง หาใช่ความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยมที่แท้ไม่ มิต้องรบแต่สยบทัพข้าศึกได้ จึงจะเป็นความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยม เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า การบัญชาทัพชั้นเอกคือชนะด้วยอุบาย รองมาคือการทูต รองมาคือการรบ เลวสุดคือตีเมือง หากกำลังหมด หากกำลังมีไม่พอ ไม่อาจเอาชนะ จะแพ้ จะไม่อาจยึดดินแดนได้ พื้นที่น้ำ อาจทำให้พวกเราตาย เหตุนี้ซุนจื่อว่า ป่าเขาห้วยหนองคลองบึง ที่คับขันอันตรายเหล่านี้ เรียกว่ายุทธภูมิวิบาก ในยุทธภูมิวิบากพึงรีบผ่าน ในยุทธภูมิวิบากเราพึงเร่งเดินทัพให้พ้น หากเส้นทางถูกตัดขาด หากเส้นทางถูกปิด หากทางเข้าเข้าไม่ได้ หากทางออกออกไม่ได้ ไร้ทางเข้า สิ้นทางออก เราจะแพ้ เหตุนี้ เส้นทางเดินทัพ พึงควรรักษา ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามตัด ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามปิด ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามทำลาย เหตุนี้ พึงตัดเส้นทางฝ่ายตรงข้าม พึงปิดเส้นทางฝ่ายตรงข้าม พึงทำลายเส้นทางฝ่ายตรงข้าม ปิดทางเข้าฝ่ายตรงข้าม ตัดทางออกฝ่ายตรงข้าม ปิดทางเข้า ตัดทางออก เราจะชนะ รบกับฝ่ายตรงข้ามใช่ว่าจะชนะ เหตุนี้ จึงพึงชนะด้วยอุบาย หากไม่เชื่อฟังคำเตือนของผู้มีความสามารถ จะแพ้ ทำสงครามรวดเร็ว โจมตีรวดเร็ว บุกรวดเร็ว ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันตั้งตัว เราจะชนะ ระหว่างทำการ ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเราได้ทุกเมื่อ เหตุ ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ พึงเตรียมการไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเราระหว่างทำการ หากฝ่ายตรงข้ามแบ่งแยกเรา หากฝ่ายตรงข้ามตัดหน้าตัดหลังตัดซ้ายตัดขวาตัดเหนือตัดใต้ตัดออกตัดตกตัดเฉียงเหนือตัดเฉียงใต้ตัดบนตัดล่างเรา เราจะแพ้ เหตุนี้ ทุกกำลังของเราต้องเดินทางไปถึงกันได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลา เหตุนี้ เราจึงพึงตัดหน้าตัดหลังตัดซ้ายตัดขวาตัดหน้าตัดหลังตัดเหนือตัดใต้ตัดออกตัดตกตัดเฉียงเหนือตัดเฉียงใต้ตัดบนตัดล่างแบ่งแยกฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามตัดเรา เราพึงทำลายทุกกำลังรบของฝ่ายตรงข้ามให้ราบคาบเสียในคราวเดียว หากการตัดกำลังไม่ได้ผล หากการล้อมไม่ได้ผล จะแพ้ หากไม่มีเงื่อนไขที่ทำให้ชนะจะแพ้ หากถูกสถานการณ์บังคับ หากถูกเงื่อนไขบังคับ หากถูกปัจจัยบังคับ จะแพ้ หากไม่พร้อมทำสงคราม จะแพ้ ทำสงครามกับฝ่ายไม่พร้อมทำสงคราม จะชนะ หากเราถูกล้อม จะแพ้ หากเราถูกโจมตีทุกทิศทาง จะแพ้ การเดินทัพของเราไม่ควรถูกสกัดกั้น การทำศึกของเราไม่ควรถูกสกัดกั้น การทำการของเราไม่ควรถูกสกัดกั้น หากถูกสกัดกั้น จะแพ้ เหตุนี้ พึงสกัดกั้นการเดินทัพฝ่ายตรงข้าม พึงสกัดกั้นการทำศึกฝ่ายตรงข้าม พึงสกัดกั้นการทำการฝ่ายตรงข้าม เหตุนี้ ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามรู้การเดินทัพเรา ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามรู้การทำศึกเรา ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามรู้การทำการเรา หากฝ่ายตรงข้ามรู้ เราจะแพ้ ทำการทันที ไม่มีผู้ใดรู้ จะชนะ ลมพัด ระวังการโจมตีด้วยไฟ ลมพัด พึงโจมตีด้วยไฟ โจมตีในที่ที่ไม่มีฝ่ายตรงข้าม จะชนะ ถึงชนะ ใช่ว่าจะไม่ถูกโจมตี เหตุนี้ เมื่อชนะจึงมิพึงฉลอง เหตุนี้ หากปราบฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทั้งหมด กลับฉลอง จะแพ้ เหตุนี้ หากปราบฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทั้งหมด จึงมิพึงฉลอง พึงปราบฝ่ายตรงข้ามให้ได้ทั้งหมด ฝ่ายตรงข้ามติดศึกติดพันที่ด้านหนึ่ง เราโจมตีที่ด้านอื่น จะชนะ เหตุนี้ จึงไม่ควรทำศึกติดพัน เหตุนี้ เมื่อทำสงคราม จึงไม่ควรมุ่งไปที่ด้านใดด้านหนึ่ง ต้องมุ่งไปทุกด้าน ระวังการโจมตีที่จะมาจากทุกด้าน พึงอยู่ในที่รบอยู่ก่อนแล้ว พึงไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ พึงให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าจะมีสงคราม แต่ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่ามาจากเรา ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเราอยู่ในที่รบอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่ามีสงคราม ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่ามาจากเรา ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่าเราอยู่ในที่รบอยู่ก่อนแล้ว เราจะชนะ ไม่รู้ข้อมูลฝ่ายตรงข้าม เราจะแพ้ เหตุนี้ พึงรู้ข้อมูลฝ่ายตรงข้าม เหตุนี้ ไม่ควรให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ข้อมูลเรา พึงกระทำฝ่ายตรงข้ามก่อน ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกระทำ หน้าผาสูงชัน ยอดเขาเทือกเขาสูง เดินทัพยากลำบากจนอาจถึงตาย หากฝ่ายตรงข้ามโจมตีต้องสูญเสียล้มตายมากมาย เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า พื้นที่ซึ่งเป็นห้วยเหว เป็นก้นกระทะ เป็นปลักโคลนตม เป็นหุบผาขาด เป็นขุนเขาโอบ เป็นป่ารกชัฎ ให้รีบหลีกเร้น อย่าได้กล้ำกราย เราพึงห่างออกให้ข้าศึกชิด เราพึงหันหน้าหาให้ข้าศึกพิง รบหลายที่รบมากไป จะแพ้ เมื่อมีสายลับในพวกเรา เมื่อมีไส้ศึกในพวกเรา เมื่อมีผู้ทรยศในพวกเรา ให้ฆ่าทิ้งให้ตายกันให้หมดทุกคน แล้วให้ฆ่าพวกเดียวกันกับสายลับหรือไส้ศึกหรือผู้ทรยศทั้งหมดให้ตายกันให้หมดทุกคนด้วย เหตุนี้ซุนจื่อจึงว่า แผนจารชนยังมิทันใช้ มีผู้ล่วงรู้ก่อน ให้ตายทั้งจารชนและผู้รู้ การแทรกแซงจากภายนอกจะทำให้สงครามจบยากขึ้น เหตุนี้จึงมิพึงขอความช่วยเหลือจากภายนอก  ทำสงครามไม่ควรมีผู้ใดล่วงรู้การทำสงคราม ไม่ควรมีผู้ใดรู้ว่าเราทำสงคราม ไม่ควรมีผู้ใดรู้ว่าเราโจมตี ไม่ควรมีผู้ใดรู้ว่าเราทำการ ไม่ควรมีผู้ใดรู้ว่าเราเตรียมการ ไม่ควรมีผู้ใดรู้ว่าเราเตรียมพร้อม ไม่มีผู้ใดตระหนัก ไม่ผู้ใดเตรียมพร้อม ไม่มีผู้ใดเตรียมการ ไม่มีผู้ใดป้องกัน ไม่มีผู้ใดทำสงคราม ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีสงคราม ไม่มีผู้ใดรู้สงคราม เหตุนี้จึงชนะ ความขัดแย้งนำไปสู่การล่มสลาย เหตุนี้ หากไร้ความขัดแย้ง จะชนะ ซุนจื่อว่า ผู้ที่ชนะรู้ว่าชนะก่อนจึงออกรบ ผู้แพ้ออกรบก่อนแล้วหวังว่าจะชนะ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งหาใช่ความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยมไม่ มิต้องรบแต่สยบทัพข้าศึกได้จึงจะเป็นความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยม