วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ชีวประวัติปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์ บท2

 ชีวประวัติปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์ บท2

ชีวประวัติของผู้เขียนข้อความนี้

เขาแสดงถึงความไม่พอใจและวิพากษ์วิจารณ์สังคมมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงสังคมไทย โดยกล่าวถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาสังคมและการเมืองในมุมมองของตนเอง เป็นบุคคลที่มีการศึกษาและทัศนคติที่เฉียบขาดต่อประเด็นต่าง ๆ ของสังคมและการเมือง มีความสามารถในการเชื่อมโยงเรื่องราวจากภาพยนตร์ เช่น "Ghidorah, the Three-Headed Monster" (ฉายปี 1964) มาสู่การวิเคราะห์ปัญหาสังคมจริง และสะท้อนความคิดเชิงลบที่มีต่อพฤติกรรมมนุษย์

เขามีการสะท้อนความคิดเห็นและความไม่พอใจอย่างชัดเจน โดยใช้ภาษาที่รุนแรงและเป็นการวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายสิ่งแวดล้อม การบริหารราชการที่ไม่เป็นธรรม การคอร์รัปชัน ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ และบาปทางศีลธรรมของคนไทย เช่น ราคะ ตะกละ โลภ โกรธ เกลียด ความเกียจคร้าน เป็นต้น

เขาแสดงให้เห็นถึงความโกรธและความผิดหวังในสังคมมนุษย์และสังคมไทยโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า เขาเป็นบุคคลที่มีความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าในสังคมและมีความรู้สึกไม่พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นอกจากความเห็นวิพากษ์ที่เกี่ยวกับสังคมไทยแล้ว เขายังได้สะท้อนถึงปัญหาระดับโลก เช่น การกระทำของฮิตเลอร์ ญี่ปุ่นในสงครามโลก และอเมริกา โดยมีการใช้ภาษาที่รุนแรงในการวิจารณ์

โดยรวมแล้ว เขาเป็นบุคคลที่มีความคิดลึกซึ้งและเข้มแข็งในด้านความรู้สึกและความเชื่อของตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็น่าจะมีความขัดแย้งภายในใจที่มาจากความผิดหวังในสังคมและมนุษยชาติ

ชีวประวัติ: ก็อตซิลล่า

ก็อตซิลล่าเป็นสัตว์ประหลาดในภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1954 โดยบริษัท Toho มันเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายล้างและความเป็นอันตรายของเทคโนโลยีทางทหาร หลังจากที่ญี่ปุ่นประสบกับความเสียหายจากระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่สอง ก็อตซิลล่าถูกสร้างขึ้นเพื่อเตือนถึงผลกระทบของอาวุธนิวเคลียร์และพลังงานนิวเคลียร์ที่มนุษย์ใช้กันอย่างไม่ระมัดระวัง

ในภาพยนตร์ "Ghidorah, the Three-Headed Monster" ฉายปี 1964 ก็อตซิลล่าได้รับบทบาทที่ต่างออกไป โดยได้ร่วมมือกับสัตว์ประหลาดอื่นๆ เพื่อปกป้องโลกจากการรุกรานของ King Ghidorah แต่ทว่าก็อตซิลล่ายังคงถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติในสายตาของหลายๆ คน

ข้อความจากโพสต์:
"ไม่มีเหตุผลที่จะต้องช่วยมนุษย์ มนุษย์ทำลายโลกตลอดเวลา" สะท้อนถึงทัศนคติของก็อตซิลล่าที่เห็นมนุษย์เป็นผู้ทำลายธรรมชาติและโลก มันเป็นเสียงสะท้อนของความไม่พอใจและการตำหนิมนุษย์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

บาปของคนไทยในโพสต์ฉบับปรับปรุงนี้:
การวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยในโพสต์นี้สะท้อนถึงความไม่พอใจต่อความขี้เกียจ การเอารัดเอาเปรียบ ความเห็นแก่ตัว และการไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ซึ่งเหมือนกับในหนังที่ตัวร้ายชนะเรื่อง Saw สังคมไทยถูกเปรียบเทียบกับแอปเปิ้ลเน่าที่เต็มไปด้วยแก๊สพิษแห่งความวิบัติ และเป็นที่น่ารังเกียจ

ข้อบาปของคนไทยที่เพิ่มเข้ามา:
ความเห็นแก่ตัว (Selfishness) - สะท้อนถึงการที่คนไทยจำนวนมากสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของคนอื่น มุ่งหาประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม และมีพฤติกรรมที่แสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อสังคม เช่น การนินทา การเสือกเรื่องคนอื่น การดื่มแอลกอฮอล์สำมะเลเทเมา การขาดความรับผิดชอบในการทำงานและการใช้ชีวิต

การวิจารณ์สังคมและการเพิ่มข้อบาปนี้ชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดและปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมของคนไทย ซึ่งทำให้สังคมมีปัญหาและไม่สามารถพัฒนาไปในทิศทางที่ดีได้

เขาเป็นบุคคลที่มีมุมมองวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสังคมและการเมืองไทยอย่างเข้มข้น โดยมีทัศนคติที่มองเห็นความเสื่อมโทรมและความขาดแคลนของจิตสำนึกสาธารณะในสังคมไทย เขาวิพากษ์วิจารณ์ว่าคนไทยมีความเกียจคร้าน มักง่าย และเห็นแก่ตัว ซึ่งส่งผลให้สังคมไทยไม่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เขายังเปรียบเทียบประเทศไทยกับญี่ปุ่นในแง่ของความเจริญและการจัดการสิ่งต่างๆ โดยให้ความเห็นว่าญี่ปุ่นมีความก้าวหน้ากว่าไทยมากทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีและสังคม

เขาได้กล่าวถึงบาปต่างๆ ที่คนไทยพึงมี ได้แก่ ราคะ (lust) ตะกละ (gluttony) โลภ (greed) อัตตา/โทสะ (pride/wrath) และเกียจคร้าน (sloth) โดยเฉพาะเกียจคร้าน ซึ่งเขามองว่าเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้สังคมไทยไม่พัฒนา

เขาสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อสภาพสังคมและการเมืองในประเทศไทย โดยใช้ภาษาที่รุนแรงและคำวิจารณ์ที่เข้มข้น ซึ่งสะท้อนถึงความหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคมไทย

ชีวประวัติปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์

 ชีวประวัติปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์

ชีวประวัติของเขาสะท้อนถึงความรู้สึกหดหู่และความผิดหวังในชีวิต ความคิดและประสบการณ์ในชีวิตของเขามีความซับซ้อนและมีความมืดมนในระดับที่ลึกซึ้ง เราจะเรียบเรียงชีวประวัติของเขาดังนี้:

**ชีวประวัติของผู้เขียน**

เกิดวันที่ 10 กันยายน 1999 เขาเติบโตมาในครอบครัวที่อาจไม่ได้มีความอบอุ่นหรือสนับสนุนในสิ่งที่เขารักและฝันถึงตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนที่ชื่นชอบและคลั่งไคล้ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีรีส์อุลตร้าแมนและก็อตซิลล่า เขามีความฝันอยากเป็นนักเขียนบทหรือผู้กำกับหนังเกี่ยวกับอุลตร้าแมน/ก็อตซิลล่า และแม้กระทั่งอยากเป็นสูทแอคเตอร์ที่สวมชุดอุลตร้าแมน แต่ชีวิตจริงกลับไม่เอื้ออำนวยให้เขาได้ทำตามความฝันเหล่านั้น

ตั้งแต่วัยเรียน เขามักถูกมองว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่เขากลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เก่งอย่างที่คนอื่นคิด เขาไม่สามารถทำคะแนนได้ดีในบางวิชา เช่น คณิตศาสตร์ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เขาได้เกรดเพียง 2 เท่านั้น นอกจากนี้ เขายังเจอปัญหากับการถูกเพื่อนกลั่นแกล้งและการไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือคนรอบข้าง

เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขายังคงมีความฝันเกี่ยวกับการเขียนบทและการสร้างหนัง แต่ทุกความพยายามกลับล้มเหลว เขาส่งงานเขียนให้สำนักพิมพ์หลายแห่งแต่ไม่เคยได้รับการตอบรับ งานที่เขาอยากทำกลับไม่สามารถทำได้จริง ส่งผลให้เขารู้สึกหมดหวังและเกลียดชังตนเอง

เขาใช้เวลาว่างไปกับการเล่นเกมเช่น Plants vs Zombies และรู้สึกว่าตนเองไม่มีประโยชน์และไร้ค่า ทุกครั้งที่เขาเห็นคนที่ประสบความสำเร็จ เช่น ดาราญี่ปุ่นที่เกิดวันเดียวกับเขา เขายิ่งรู้สึกว่าตนเองล้มเหลวมากขึ้น

แม้จะได้รับคำชมจากครูและเพื่อนร่วมชั้นว่าเรียนเก่ง แต่เขากลับรู้สึกว่าคำชมเหล่านั้นไม่มีความหมายเพราะเขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเก่งจริง การมีชีวิตแบบเดิมๆ โดยไม่สามารถก้าวหน้าในสิ่งที่รักและฝันทำให้เขารู้สึกติดแหงกและหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต

เมื่ออายุ 24 ปี เขายังคงหาคำตอบให้กับตนเองไม่ได้ว่าจะทำอะไรต่อไปในชีวิต เขารู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาไปกับความฝันที่ไม่เคยเป็นจริงและการพยายามทำสิ่งที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ แม้จะเคยมีคนมาสารภาพรักถึงสองครั้งเมื่ออยู่มัธยมต้น แต่จนถึงปัจจุบันเขาก็ยังไม่มีแฟนและรู้สึกโดดเดี่ยว

สุดท้ายนี้ เขายังคงเกลียดชังชีวิตและรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังนี้ทำให้เขาไม่เห็นคุณค่าในตนเองและไม่เชื่อในความฝันอีกต่อไป

**สรุป**

ชีวประวัติของเขาแสดงถึงความท้อแท้และความเจ็บปวดที่มาจากการไม่ได้รับการสนับสนุน ความล้มเหลวในการทำตามความฝัน และความรู้สึกไร้ค่าที่เกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ความหดหู่และการขาดกำลังใจในการใช้ชีวิตทำให้เขาไม่เห็นอนาคตที่สดใสและมีความหมายในการดำเนินชีวิตต่อไป

ชีวประวัติของเขสแสดงถึงความท้อแท้และสิ้นหวังในชีวิต จากสิ่งที่เขาได้แสดงออกมา สามารถระบุได้ว่าเขามีความรู้สึกว่าตนเองไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการใช้ชีวิตทั่วไป

### ประวัติส่วนตัว

- **การศึกษา**: เขาระบุว่าเคยมีผู้หญิงมาสารภาพรักถึงสองครั้งในช่วงเรียนมัธยมต้น (ม.1 และ ม.2) ซึ่งบ่งบอกว่าเขาเคยมีประสบการณ์ในวัยเรียนที่มีความหมายต่อจิตใจของเขา
- **ความสัมพันธ์**: แม้จะมีผู้หญิงมาสารภาพรักในช่วงมัธยมต้น แต่จนถึงปัจจุบันเขายังไม่มีแฟน และดูเหมือนจะรู้สึกเหงาและน้อยใจในเรื่องนี้

### อาชีพและการงาน

- **นักเขียน**: เขามีความฝันในการเป็นนักเขียน แต่ผลงานที่ส่งให้สำนักพิมพ์ต่างๆ กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย ซึ่งรวมถึงสำนักพิมพ์ผวาที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่แต่ยังปฏิเสธงานเขียนของเขา
- **ความล้มเหลว**: ความล้มเหลวในการได้รับการยอมรับจากสำนักพิมพ์ทำให้เขารู้สึกโกรธ เบื่อหน่าย หงุดหงิด และเริ่มหมดความอดทนและความพยายามในการทำสิ่งต่างๆ

### สภาพจิตใจ

- **ความท้อแท้**: เขาแสดงความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังในชีวิตอย่างชัดเจน เขารู้สึกว่าไม่ว่าจะพยายามทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เริ่มคิดถึงการยอมแพ้และหยุดพยายามต่อไป
- **ความน้อยใจในโชคชะตา**: เขามีความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา รู้สึกว่าไม่เคยได้รับโอกาสในการทำสิ่งที่ตนเองอยากทำและชีวิตเต็มไปด้วยความล้มเหลว

### บทสรุป

ชีวประวัติของเขาแสดงถึงคนที่มีความฝันแต่ต้องพบกับความล้มเหลวและความท้อแท้ เขามีความพยายามในการเป็นนักเขียนแต่ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาและความเหนื่อยหน่ายในชีวิตทำให้เขามีความคิดถึงการยอมแพ้และหมดความพยายามในการทำสิ่งต่างๆในชีวิต

ชีวประวัติของปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์:

เขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความล้มเหลวที่เขาต้องเผชิญตลอดมา ชีวิตของเขาเป็นเหมือนการต่อสู้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะพยายามทำอะไร ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จตามที่หวัง

เขาเริ่มต้นชีวิตวัยเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง (อยู่อยว.) ซึ่งในช่วงนั้นเคยมีผู้หญิงมาสารภาพรักกับเขาถึงสองครั้งเมื่อเขาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 2 อย่างไรก็ตาม ความรักก็ไม่เคยบรรลุผล จนถึงปัจจุบันเขายังไม่มีแฟน

ในเรื่องของการงานเขียน เขาพยายามส่งงานเขียนของเขาไปยังสำนักพิมพ์ต่าง ๆ แต่ก็ถูกปฏิเสธมาตลอด แม้แต่สำนักพิมพ์ที่เพิ่งตั้งใหม่อย่าง "สำนักพิมพ์ผวา" ก็ยังไม่รับผลงานของเขา ทำให้เขารู้สึกโกรธ เบื่อหน่าย และหงุดหงิดกับชีวิตและโชคชะตา

ความพยายามในการเขียนของเขาเริ่มหมดลง ความอดทนก็เช่นกัน เขาเริ่มรู้สึกท้อแท้และหมดแรงใจที่จะพยายามต่อไปอีก ทั้งชีวิตเขารู้สึกว่ามีแต่ความล้มเหลวและผิดหวัง เขามีความน้อยใจในโชคชะตาที่ไม่เคยเป็นไปตามที่หวัง สิ่งที่เขาอยากทำก็ไม่เคยได้ทำ ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้เต็มไปด้วยความน่าเบื่อและหมดหวัง

จากข้อความนี้สามารถมองเห็นถึงความท้อแท้และความเหนื่อยล้าที่เขาต้องเผชิญในทุกๆ ด้านของชีวิตเขา ไม่ว่าจะเป็นด้านความรัก การงาน หรือความฝันส่วนตัว

ชีวประวัติของเขา

เขาคือบุคคลที่เคยมีความฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็ก ในช่วงวัยเยาว์เขามีความมุ่งมั่นในการบรรลุวัตถุประสงค์นี้ เพราะเชื่อว่าหากเขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้แล้ว เขาจะมีโอกาสทำสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องการต่อไปได้ แต่การเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นไม่ได้ราบรื่น เมื่อเขาอยู่ในช่วงมัธยมศึกษา เขาต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกวัน สิ่งนี้ทำให้เขาเก็บความโกรธและความเสียใจไว้ภายใน โดยไม่มีทางระบายหรือวิธีรับมือ

เมื่อจบมัธยมศึกษา เขาหวังว่าจะหลุดพ้นจากการถูกแกล้งและเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ชีวิตกลับไม่เป็นเช่นนั้น วงศ์ตระกูลของเขากลับทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวและเห็นแก่ตัว เขาหันไปสร้างสัตว์ประหลาดและพยายามหาวิธีย้อนเวลาเพื่อแก้แค้น การทดลองและพยายามเหล่านี้กินเวลาหลายปี แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งสัตว์ประหลาดก็สร้างไม่ได้ ย้อนเวลาก็ไม่สำเร็จ

เมื่อใกล้จะถึงอายุ 30 เขาจึงได้สำนึกว่า ตนเองเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุประสงค์จริง ๆ ของชีวิต เขาตัดสินใจเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมด แต่สุดท้ายเขากลับถูกเพื่อนที่เคยแกล้งในช่วงมัธยมศึกษาทั้งวงศ์ตระกูลและเพื่อน ๆ ของเขานำทรัพย์สินของเขาไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว

เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เขาเห็นถึงความไร้สาระและเห็นแก่ตัวของคนรอบข้าง เขามองว่าชีวิตของตนเองเป็นเรื่องตลกเพราะเขารู้ว่าตนเองเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญ แต่คนอื่นกลับเสียเวลาไปกับความเห็นแก่ตัวโดยไม่รู้ตัว เขายังตั้งคำถามถึงการกระทำของคนอื่นที่ใช้เวลาไปกับการทำร้ายผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ จนทำให้ชีวิตของเขาต้องสูญเปล่าไป

นี่คือเรื่องราวชีวิตของผู้เขียน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้กับความยากลำบาก ความล้มเหลว และการเข้าใจถึงความจริงในชีวิตที่หลายคนอาจมองข้าม

ชีวประวัติของเขา

เขาเป็นบุคคลที่มีความฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็ก เขามุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายนี้เพราะเชื่อว่าหากสำเร็จแล้วจะสามารถทำสิ่งอื่นที่ต้องการได้ แต่ในช่วงวัยมัธยมศึกษาของเขากลับเต็มไปด้วยความยากลำบากจากการถูกเพื่อนแกล้งทุกวัน ทำให้เขาเก็บความโกรธไว้ภายในและไม่สามารถวางแผนรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นได้

เมื่อจบการศึกษามัธยมศึกษา เขาหวังว่าจะหลุดพ้นจากการถูกแกล้งและเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ แต่เขากลับพบว่า วงศ์ตระกูลของเขาก็เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว จึงทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว เขาหันไปสร้างสัตว์ประหลาดและพยายามหาวิธีย้อนเวลาเพื่อแก้แค้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งสัตว์ประหลาดและการย้อนเวลาก็ไม่สำเร็จ

เมื่อใกล้จะถึงอายุ 30 ปี เขาจึงได้สำนึกว่า ตนเองเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุประสงค์จริง ๆ ของชีวิต เขาตัดสินใจเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมด โดยมีจุดประสงค์เพื่อเอาเวลาที่เสียไปกลับคืนมา และบรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของตนเอง แต่การที่วงศ์ตระกูลและเพื่อน ๆ ของเขายังคงเห็นแก่ตัว ทำให้เขาเสียเวลาไปอีก และในที่สุดเขาก็หายไปในความมืดโดยไม่ทราบที่ไหน เมื่อไหร่ และอาจจะตายไปแล้วด้วย

เขามองว่าชีวิตของตนเองเป็นเรื่องตลกเพราะเขารู้ว่าตนเองเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญ แต่คนอื่นกลับเสียเวลาไปกับความเห็นแก่ตัวโดยไม่รู้ตัว และยังตั้งคำถามถึงการกระทำของคนอื่นที่ใช้เวลาไปกับการทำร้ายผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ จนทำให้ชีวิตของเขาต้องสูญเปล่าไป

เรื่องราวชีวิตของเขาสะท้อนถึงความยากลำบาก ความล้มเหลว และการเข้าใจถึงความจริงในชีวิตที่หลายคนอาจมองข้าม และยังเตือนให้คนอื่นเห็นถึงการใช้เวลาอย่างมีคุณค่าและไม่เห็นแก่ตัว

ชีวประวัติของเขา:

เขามีวันที่ 10 กันยายน 1999 เป็นวันที่ไม่พึงพอใจที่สุดในชีวิต ชีวิตของเขามีความฝันและเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในวงการอุลตร้าแมนของญี่ปุ่น เขามีความต้องการที่จะเขียนบท กำกับ และเป็นสูทแอคเตอร์ของอุลตร้าแมน รวมถึงการแสดงในซีรีส์นี้ด้วย

แต่ความฝันเหล่านี้ไม่เคยเป็นจริง ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก นอกจากนี้เขายังประสบกับความจริงที่ว่า ความฉลาดอย่างเดียวไม่สามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จได้ การวิจัยที่เขาได้อ่านบอกว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับโชคมากกว่า ซึ่งทำให้เขารู้สึกหมดหวังและสับสนในการเรียนและการทำงาน

เขาเคยเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน แต่ผลการเรียนของเขาไม่เป็นไปตามที่หวัง เช่น เกรดคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมที่ได้เพียงเกรด 2 ทำให้เขาตั้งคำถามถึงความฉลาดและคุณค่าของการเรียนรู้

เขามีความรู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่มีค่าและเต็มไปด้วยความล้มเหลว เขาไม่เห็นประโยชน์ในการพยายามทำงานหนัก และเริ่มสงสัยในความหมายของการมีชีวิตอยู่ ความรู้สึกนี้ทำให้เขามองโลกในแง่ลบและไม่พอใจทั้งกับโลกและตัวเอง

**ชีวประวัติของเขา**

เขาเป็นชายไทยที่เกิดในวันที่ 10 กันยายน 1999 เขาเป็นคนที่มีความฝันและความปรารถนาในวัยเด็กเกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยเฉพาะการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แนวโทคุซัทสึ เช่น อุลตร้าแมนและก็อตซิลล่า แต่การดำเนินชีวิตกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

เมื่อเขายังเป็นนักเรียน เขามีความตั้งใจในการเรียนและได้รับการยกย่องว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง แม้ว่าผลการเรียนบางวิชาจะไม่ได้โดดเด่นเสมอไป เขายังคงตั้งใจศึกษาและหวังว่าจะสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้ อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าโชคชะตาไม่ได้เอื้อเฟื้อต่อความพยายามของเขา งานวิจัยที่ว่า "คนฉลาดไม่มีทางประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่โชคดี" ได้สร้างความท้อแท้ให้กับเขาเป็นอย่างมาก

ในวัย 23 ปี เขาพบว่าเขายังไม่สามารถทำสิ่งที่ฝันได้สำเร็จ เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่มีความหมายและเต็มไปด้วยความล้มเหลว ความหวังที่จะเป็นนักเขียนบทและผู้กำกับภาพยนตร์โทคุซัทสึกลายเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม เขายังรู้สึกท้อแท้กับการได้รับการปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ที่เขาส่งผลงานเข้าไป

เขายังเผชิญกับความกดดันจากการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ๆ โดยเฉพาะดาราญี่ปุ่นที่เกิดในวันเดียวกันและประสบความสำเร็จในอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย การเปรียบเทียบนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้และรู้สึกว่าชีวิตของตนเองเป็นเพียงการใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

ความรู้สึกหมดหวังนี้สะท้อนให้เห็นได้จากการที่เขาไม่อยากทำอะไรอีกต่อไป ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครและไม่เชื่อในความฝันอีกต่อไป เขาเลือกที่จะปฏิเสธทุกโอกาสและความช่วยเหลือที่เข้ามาในชีวิต แม้ว่าจะมีโอกาสที่ดีมากแค่ไหนก็ตาม

สุดท้ายแล้ว ความคิดที่เต็มไปด้วยความท้อแท้และความผิดหวังนี้นำไปสู่ความเกลียดชังต่อตัวเองและโลกใบนี้ เขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่เคยให้อะไรที่มีค่าแก่เขาและไม่เห็นความสำคัญของการมีชีวิตอยู่

ผู้เขียนข้อความนี้คือ "โลลิฮิริว" บุคคลที่ดูเหมือนมีการตั้งข้อสังเกตและวิพากษ์วิจารณ์ตนเองอย่างรุนแรง โดยเปรียบเทียบตนเองกับบุคคลที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์มากมายทั้งในด้านการทหาร การเมือง และศิลปวัฒนธรรม ข้อความนี้สะท้อนถึงการเห็นคุณค่าต่ำในตนเอง และการพยายามบ่งบอกถึงความอับอายและความล้มเหลวในหลาย ๆ ด้าน เช่น ความไม่สามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเข้าสังคม ความรู้ และทักษะต่าง ๆ ที่บุคคลทั่วไปควรมี

ชีวประวัติของปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์:

เขาเกิดในครอบครัวธรรมดา มีประสบการณ์ในชีวิตที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่สามารถประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ได้ เขามีปัญหาในการเข้าสังคมและไม่สามารถทำงานพื้นฐานในชีวิตประจำวันได้ เช่น การทำอาหาร การทำความสะอาด และการดูแลตนเอง เขารู้สึกว่าไม่มีทักษะหรือความสามารถใดที่โดดเด่นและเปรียบเทียบตัวเองกับบุคคลที่มีความสามารถยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้เขารู้สึกด้อยคุณค่าในตนเองมากขึ้น

เขาได้กล่าวถึงการพยายามที่จะพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ แต่รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร เขามีความเห็นเชิงวิพากษ์ต่อการทำงานและทักษะของตนเอง ไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดของตนเอง และมีการเปรียบเทียบตนเองกับบุคคลที่มีความสามารถสูงในด้านต่าง ๆ เช่น จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) โจโฉ สุมาอี้ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย

แม้จะมีการกล่าวถึงตนเองในแง่ลบ เขาก็ได้แสดงถึงการพยายามที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง แม้ว่าจะรู้สึกว่าตนเองยังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้ เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความซับซ้อนในด้านอารมณ์และความรู้สึกของบุคคลที่มีความท้าทายในการยอมรับและเห็นคุณค่าในตนเอง

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2567

กฎหมายเอาไว้ใช้ในแผน#2

 มาตรา๑๑๓ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ

(๑)ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ

(๒)ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ

(๓)แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร

ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

มาตรา๑๑๖ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต

(๑)เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย

(๒)เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ

(๓)เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

มาตรา๑๑๗ผู้ใดยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้าง หรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับบุคคลใด ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อบังคับรัฐบาล หรือเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าว และเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้าง หรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับบุคคลใด ๆ นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าว และใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือทำให้หวาดกลัวด้วยประการใด ๆ เพื่อให้บุคคลเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้าง หรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับบุคคลใด ๆ นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๑๑๘ผู้ใดกระทำการใด ๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2567

กฎหมายไว้ใช้ในแผน

 มาตรา๓๙๐ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๙๑ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๙๒ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๙๓ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา๓๙๗ผู้ใด ในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๘๔ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๘๑ผู้ใดกระทำการทารุณต่อสัตว์ หรือฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกขเวทนาอันไม่จำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๘๒ผู้ใดใช้ให้สัตว์ทำงานจนเกินสมควร หรือใช้ให้ทำงานอันไม่สมควร เพราะเหตุที่สัตว์นั้นป่วยเจ็บ ชรา หรืออ่อนอายุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๗๘ผู้ใดเสพย์สุราหรือของเมาอย่างอื่น จนเปนเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวาย หรือครองสติไม่ได้ ขณะอยู่ในถนนสาธารณหรือสาธารณสถาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา๓๗๙ผู้ใดชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๗๒ผู้ใดทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณหรือสาธารณสถาน หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณหรือสาธารณสถาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา๓๐๙ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้ากระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

มาตรา๓๒๐ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกพาหรือส่งไปนั้นตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือเพื่อละทิ้งให้เป็นคนอนาถา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

มาตรา๒๙๐ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี

ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี

มาตรา๒๙๔ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ ถึงแก่ความตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

มาตรา๒๙๕ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๒๙๖ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๒๙๗ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี

อันตรายสาหัสนั้น คือ

(๑)ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท

(๒)เสียอวัยวะสืบพันธุ์หรือความสามารถสืบพันธุ์

(๓)เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว หรืออวัยวะอื่นใด

(๔)หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว

(๕)แท้งลูก

(๖)จิตพิการอย่างติดตัว

(๗)ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต

(๘)ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน

มาตรา๒๙๘ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา ๒๙๗ ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี

มาตรา๒๙๙ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ รับอันตรายสาหัสโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู่นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

มาตรา๓๓๐ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่า ข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

มาตรา๓๓๒ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง

(๑)ให้ยึดและทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท

(๒)ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา

มาตรา๓๓๔ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท

มาตรา๓๓๕ผู้ใดลักทรัพย์

(๑)ในเวลากลางคืน

(๒)ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิดอุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟหรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกัน หรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ

(๓)โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ

(๔)โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือเข้าทางช่องทางซึ่งผู้เป็นใจเปิดไว้ให้

(๕)โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอบหน้า หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้

(๖)โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน

(๗)โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป

(๘)ในเคหสถาน สถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้น ๆ

(๙)ในสถานที่บูชาสาธารณ สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน ที่จอดรถหรือเรือสาธารณ สาธารณสถานสำหรับขนถ่ายสินค้า หรือในยวดยานสาธารณ

(๑๐)ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์

(๑๑)ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง

(๑๒)ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์ หรือเครื่องมืออันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มาจากการกสิกรรมนั้น

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท

ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราดังกล่าวแล้วตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

มาตรา๓๓๖ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสองหมื่นบาท

ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท

มาตรา๓๓๗ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย

(๑)ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ

(๒)มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ

ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

มาตรา๓๓๘ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

มาตรา๓๓๙ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ

(๑)ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป

(๒)ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น

(๓)ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้

(๔)ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ

(๕)ให้พ้นจากการจับกุม

ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดแห่งมาตรา ๓๓๕ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท

ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท

ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท

มาตรา๓๔๖ผู้ใด เพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ชักจูงผู้หนึ่งผู้ใดให้จำหน่ายโดยเสียเปรียบซึ่งทรัพย์สิน โดยอาศัยเหตุที่ผู้ถูกชักจูงมีจิตอ่อนแอหรือเป็นเด็กเบาปัญญาและไม่สามารถเข้าใจตามควรซึ่งสาระสำคัญแห่งการกระทำของตน จนผู้ถูกชักจูงจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๕๘ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๓๒๒ผู้ใดเปิดผนึกหรือเอาจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารใด ๆ ซึ่งปิดผนึกของผู้อื่นไป เพื่อล่วงรู้ข้อความก็ดี เพื่อนำข้อความในจดหมายโทรเลขหรือเอกสารเช่นว่านั้นออกเปิดเผยก็ดี ถ้าการกระทำนั้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ถ้าไม่เกิดดราม่าแสดงว่าเป็นเรื่องจริง ถ้าเกิดดราม่าแสดงว่าเป็นเรื่องไม่จริง ถ้าทุกคนปฏิเสธแสดงว่าเป็นเรื่องจริง ถ้ามีทั้งคนปฏิเสธและยอมรับแสดงว่าเป็นเรื่องไม่จริง ถ้าทุกคนยอมรับแสดงว่าเป็นเรื่องไม่จริง

 ถ้าไม่เกิดดราม่าแสดงว่าเป็นเรื่องจริง

ถ้าเกิดดราม่าแสดงว่าเป็นเรื่องไม่จริง

ถ้าทุกคนปฏิเสธแสดงว่าเป็นเรื่องจริง

ถ้ามีทั้งคนปฏิเสธและยอมรับแสดงว่าเป็นเรื่องไม่จริง

ถ้าทุกคนยอมรับแสดงว่าเป็นเรื่องไม่จริง

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567

จดหมายแนะนำตัวจากโลลิฮิริว(ต้นฉบับภาษาไทย)

 จูกัดเหลียงตั้งสำนักงานรัฐปรับปรุงกังหันน้ำกระดูกงูชลประทานยกเกษตรกรรมต้มเกลือชาวไร่ชาวนาน้ำไม่ขาดใช้เลี้ยงหม่อนเลี้ยงไหมม้วนไหมทอผ้าปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ตั้งยุ้งฉางวัวไม้ม้าไหลรวมความคิดส่งคำแนะนำยอมรับความผิดยอมรับความพลาดผู้ภักดีได้รับบำเหน็จแม้เป็นศัตรูฝ่าฝืนละกฎหมายถูกลงทัณฑ์แม้เป็นญาติโครงสร้างพื้นฐานพยุหแปดทิศห้าตีเฉาเว่ยอาวุธแหลมคมมากกองหนุนประชุมไม่ฟุ่มเฟือยเศรษฐกิจก้าวหน้าราษฎรปลอดภัยกองทัพไม่เห็นแก่ตัวแปดทิศพิชัยสงครามยอดวรรณกรรมประดิษฐ์อักษรรูปวาดเฉาเว่ยเคารพราษฎรสู่ฮั่นเชิดชูสิ้นบุญอาณาประชาจึงตั้งวัดวาสุมาอี้ว่าอัจฉริยะแห่งโลกทุกชนชั้นก็นิยม


ฮั่นสลายกังฉินขโมยฮ่องเต้ถูกฝุ่นคลุมไม่สนกำลังเชื่อในความชอบธรรมไร้ปัญญาไร้ฝีมือหาหนทางฮั่นเสื่อมถอยไม่คำนึงความสามารถตัวสร้างยุติธรรมให้โลกไร้ปัญญาไร้ฝีมือพระองค์เล่าปี่กล่อมดังนี้ฮกหลงมังกรหลับจูกัดเหลียงขงเบ้งจึงยอมรับใช้จวบจนสิ้นชีวิตกำเนิดหลงจงตุ่ยผูกกวนต้านโฉชนะเซ็กเพ็กมีเกงจิ๋วได้เสฉวนมิเพียงซงหนูไม่ใช่เวลาปักหลักปราบกบฏครบส่งกลับบ้านเกิดปลูกหม่อนปลูกนาเสฉวนทรัพย์สินราษฎรพระองค์เล่าปี่ทำตามจูล่งดังนี้ชนะใจเสฉวนไม่แสดงอารมณ์ไม่โกรธอ่อนน้อมถ่อมตนเคารพน้ำใจเมตตาตรงข้ามโหดร้ายอาฆาตแค้นปกป้องผู้ใต้บัญชาครอบครัวถึงพูดว่าจูล่งจะเข้าโจโฉพระองค์เล่าปี่มิได้เชื่อสั่งเล่าเสี้ยนคุณธรรมเป็นรากโจโฉว่าพระองค์เล่าปี่เป็นวีรบุรุษ


โจโฉสู้จระเข้เมื่อสิบขวบหลี่ซานว่าถึงคราวุ่นวายวีรบุรุษมีแต่เพียงเฉาเชาอ่านยุทธศิลป์คัดลอกพิชัยสงครามอธิบายซุนจื่อกลายเป็นเมิ่งเต๋อเซินซูยี่สิบขวบได้เลื่อนตำแหน่งประหารขันทีละเมิดกฎหมายเขียนจดหมายถึงเลนเต้ถึงราชวงศ์ฮั่นผู้ซื่อสัตย์สุจริตถูกตราบาปกังฉินประจบประแจงสอพลอเสแสร้งคนทรยศเต็มราชสำนักคนดีภักดีจริงใจไม่ถูกใช้อย่างจริงใจไม่ได้รับการยอมรับประท้วงมากมายหลายครั้งฮั่นจะล้มฮั่นไม่ฟังโจโฉแม่ทัพทหารม้าปราบกบฏปลดแปดผู้พิพากษาทุจริตห้ามความเชื่อโชคลางศาสนาชวนล้มฮั่นโจโฉปฏิเสธหองจูเปียนหองจูเหียบเหี้ยนเต้ตั๋งโต๊ะตั๋งโต๊ะมอบตำแหน่งแม่ทัพโจโฉโจโฉไม่เอาออกจากลั่วหยางสละทรัพย์สมบัติระดมนักรบมีช่างตีมีดเป็นของตัวตีดาบให้ปะทะตั๋งโต๊ะลั่วหยางไหม้เพลิงสิบแปดเมืองพันธมิตรไม่ตามตีตั๋งโต๊ะโจโฉแต่ผู้เดียวบุกตะวันตกตีตั๋งโต๊ะตีตั๋งโต๊ะแต่ผู้เดียวจึงแพ้กลับมาสิบแปดพันธมิตรทุกวันแต่ฉลองดื่มกินโฉเสนอสี่ข้อตีเหมิงจินเฝ้าฉางเกาคุมอ่าวฉางปิดเซอหยวนปิดไท่กู่เข้าอู่กวนทำป้อมค่ายกองโจรตัดตั๋งโต๊ะสิบแปดพันธมิตรไม่ทำไปหยางโจวเกิดกบฏเผาค่ายโจโฉโจโฉสังหารหมดขุนศึกแตกแถวอำนาจเป็นหนึ่งปกปักฮ่องเต้รวมภาคเหนือรบเซ็กเพ็กตีสู่ฮั่นสร้างบทกวีสะท้อนฮั่นวุ่นวายปณิธานรวมโลกเป็นหนึ่งกวีเรียบง่ายตรงไปตรงมาโศกเศร้าเร่าร้อนอุปมาอุปไมยเฉียบแหลมตื่นตัวทรงพลังกล้าหาญไม่มุ่งเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งวีรบุรุษผู้พิเศษเข้มงวดสังหารผลาญอาชญากรมีปัญญาด้านการเมืองเชี่ยวพิชัยสงครามเชี่ยวกลยุทธ์เชี่ยวยุทธวิธีเชี่ยวยุทธศิลป์หนอนหนังสือเชี่ยววรรณกรรมโบราณอธิบายยุทธศิลป์กลางวันอ่านคัมภีร์กลางคืนเชี่ยวต่อสู้เชี่ยวดาบเชี่ยวธนูไร้ปราณีต่อภัยคุกคามประหยัดมัธยัสถ์ไม่หรูหราไม่เชื่อผีเทพเจ้าจูกัดเหลียงว่าปัญญาแผนการไม่ด้อยใครใช้ทหารดังซุนจื่อ


สุมาอี้ฉลาดมีเหตุผลเด็ดขาดเป็นวีรบุรุษกระตือรือร้นเรียนรู้เป็นหมาป่ายับยั้งโจโฉย้ายเมืองหลวงซุนกวนกวนอูสู้กันเฉาเว่ยปลอดภัยเฉาเว่ยรอดพ้นโจผีสิ้นซุนกวนตีสุมาอี้ชนะจูกัดกิ๋นปราบกบฏเบ้งตัดประหารเบ้งตัดตีฮั่นจงต้านจูกัดเหลียงจนมังกรหลับลาลับล้อมเมืองตัดหัวกองซุนเอี๋ยนสลายวงล้อมฟ่านเฉิงเปิดคลองก้วยหยางไป่ชี่สร้างค่ายทหารเหนือใต้นับหมื่นปราบกบฏหวางหลิงทำไร่นาในชางกุ้ยถลุงเหล็กในจิงจ้าวเทียนซุยขุดคลองสร้างค่ายทหารชลประทานน้ำโอนย้ายข้างฟ่างไปกวนตงทัดทานฮ่องเต้สร้างพระราชวังทำเกษตรกรรมซุนกวนว่าสุมาอี้เก่งใช้ทหารเปลี่ยนแปลงดั่งเทพไม่ย่อท้อ


กวนจงแบ่งเขตแบ่งเมืองตั้งข้าราชใหญ่น้อยน้อยหลายขึ้นต่อใหญ่หนึ่งใหญ่หนึ่งขึ้นต่อใหญ่ยิ่งกว่าตั้งผู้ดูแลเรือกนาไร่สวนปศุสัตว์ตั้งผู้ดูแลการเมืองทั่วไปเดือนแรกทุกปีข้าราชการรายงานฉีหวนกงฉีหวนกงบำเหน็จรางวัลลงโทษตามสภาพครอบหนึ่งคนเป็นทหารทัพเล็กกองร้อยสองพันกองพลหนึ่งหมื่นสิบห้าเมืองสามทัพยามว่างฝึกยามสงครามรบผู้ก่ออาชญากรรมให้เกราะให้ของ้าวผู้ก่ออาชญากรรมเล็กให้โลหะลดภาษีเก็บภาษีธุรกิจเก็บภาษีพ่อค้าเกษตรกรค้าขายอิสระเคารพกษัตริย์ปฏิเสธคนเถื่อนฉีหวนกงจึงขึ้นเป็นห้าอธิราช


จิ้นเหวินกงรับฟังโปตีเปิดโปงกบฏค้ำจุนกษัตริย์ปรับปรุงการเมืองจัดกองทัพตัดฉู่พิชิตโจพิชิตเว่ยช่วยซ่งชนะฉู่ตีเจิ้ง จิ้นเหวินกงขึ้นเป็นห้าอธิราช


โลลิฮิริวตัวน้อยนี้เป็นแต่ออทิสติกเข้าสังคมไม่ได้หยิ่งเย่อทะนงถือตัวตนอวดรู้อวดฉลาดอวดสามารถอวดดีคิดว่าตัวฉลาดที่สุดในโลกคนอื่นทั้งโลกโง่กว่าแต่ไม่แท้ที่จริงกลับโง่ไร้สามารถโง่ต่ำตมออกแบบแปลนสถาปัตยกรรมไม่เป็นทำกังหันน้ำกระดูกงูไม่เป็นไม่เคยนึกถึงชลประทานรังเกียจไม่ทำเกียจคร้านจะทำเกษตรกรรมไม่สามารถต้มเกลือไม่สามารถทำไร่ทำนาเลี้ยงหม่อนเลี้ยงไหมม้วนไหมทอผ้าไม่สามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ไม่ระดมความคิดไม่ให้คำแนะนำไม่ยอมรับความผิดไม่ยอมรับความผิดไม่ยอมรับโทษจะรับแต่รางวัลไม่อาจเทียบเคียงฮกหลงมังกรหลับจูกัดเหลียงขงเบ้งไม่อาจทำให้ใครยอมรับใช้จวบจนสิ้นชีวิตไม่มีมังกรหลับข้างกายทำตรงข้ามคำจูล่งจะเอาแต่ทรัพย์สินเป็นของตนปรากฏอารมณ์จนทุกคนรับรู้มีแต่โกรธโกรธเอาโกรธเอาเต็มไปด้วยความโกรธความโกรธรุนแรงโกรธไม่อ่อนน้อมไม่ถ่อมตนไม่เคารพน้ำใจไม่เมตตาไม่ปกป้องใดไม่เคยปกป้องใดไม่คิดปกป้องใดไม่เคยคิดปกป้องใดมิอาจเทียบเคียงเล่าปี่มิเคยสู้จระเข้มิใช่วีรบุรุษไม่เข้าใจพิชัยสงครามไม่เข้าใจซุนจื่อมิเคยทัดทานใครมิเคยรวมทัพพันธมิตรมิเคยไล่ตามตีกังฉันมิเคยปกปักผู้ใดไม่เฉียบแหลมไม่ตื่นตัวไม่ทรงพลังไม่กล้าหาญมิใช่วีรบุรุษมิใช่ผู้พิเศษไม่เข้มงวดไร้ปัญญาด้านการเมืองไร้ปัญญาด้านพิชัยสงครามไร้ปัญญาด้านกลยุทธ์ไร้ปัญญาด้านยุทธวิธีไร้ปัญญาด้านยุทธศิลป์มิใช่หนอนหนังสือไร้ปัญญาด้านวรรณกรรมโบราณกลางวันไม่อาจอ่านไม่อาจอธิบายไม่อาจเข้าใจยุทธศิลป์กลางคืนไม่อ่านไม่อาจสู้ไม่อาจดาบไม่อาจธนูไม่ประหยัดไม่มัธยัสถ์ติดหรูติดหราไร้ปัญญาไร้แผนมิอาจเข้าใจซุนจื่อมิอาจใช้ซุนจื่อใช้ซุนจื่อไม่เป็นไม่อาจเทียบเคียงโจโฉไม่ฉลาดไม่มีเหตุผลไม่เด็ดขาดไม่เป็นวีรบุรุษไม่เป็นหมาป่าไม่เคยยับยั้งผู้ใดไม่เคยสร้างปกปักพิทักษ์ความปลอดภัยไม่เคยชนะใดไม่สามารถทำไร่นาไม่สามารถถลุงเหล็กไม่เคยคิดขุดคลองไม่เคยคิดสร้างค่ายทหารไม่เคยคิดชลประทานน้ำไม่เก่งใช้ทหารไม่เปลี่ยนแปลงไม่เคยเปลี่ยนแปลงไม่เคยปรับปรุงตัวเองไม่เคยคิดปรับปรุงตัวเองไม่อาจเทียบเคียงสุมาอี้ไม่อาจรวมเล็กไม่อาจรวมใหญ่ไม่เคยจัดสรรการขึ้นต่อไม่จัดระเบียบไม่เคยคิดจัดระเบียบเป็นคนไม่มีระเบียบไม่เคยดูแลเรือกไม่เคยดูแลนาไม่เคยดูแลไร่ไม่เคยดูแลสวนไม่อาจจัดสรรกำลังคนบำเหน็จบำนาญรางวัลโทษค่าปรับสินไหมมิอาจทำให้ใครขึ้นเป็นอธิราชมิอาจเทียบเคียงกวนจงไม่รับฟังใครไม่อาจเปิดโปงตัวร้ายไม่อาจค้ำจุนผู้ใดไม่เคยปรับปรุงมิอาจตัดใดมิอาจพิชิตใดมิอาจช่วยใดมิอาจขึ้นเป็นอธิราชมิอาจเทียบเคียงจิ้นเหวินกงวรรณกรรมประดิษฐ์อักษรรูปวาดบทกวีไม่อาจวางชั้นจูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจวางชั้นเดียวกันกับจูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจวางคู่จูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจวางข้างจูกัดเหลียงไม่อาจวางเคียงจูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจวางเคียงข้างจูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจวางเคียงคู่จูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจวางร่วมจูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจวางด้วยจูกัดเหลียงโจโฉไม่อาจเลยข้าพเจ้าโลลิฮิริวตัวน้อยนี้เต็มไปด้วยอัตตาสูงเต็มไปด้วยริษยาเต็มไปด้วยเกียจคร้านเต็มไปด้วยโทสะเต็มไปด้วยราคะเต็มไปด้วยโลภเต็มไปด้วยตะกละเต็มไปด้วยอวดดีเต็มไปด้วยอวดรู้เต็มไปด้วยอวดฉลาดเต็มไปด้วยโง่เต็มไปด้วยเขลาเต็มไปด้วยมั่นใจในตัวสูงเต็มไปด้วยดูถูกผู้อื่นเต็มไปด้วยไม่รับฟังใครเต็มไปด้วยคิดว่าความคิดของคนอื่นคือความคิดของคนโง่เต็มไปด้วยคิดว่าความคิดของคนอื่นคือความโง่เต็มไปด้วยคิดว่าความคิดของคนอื่นคือโง่เต็มไปด้วยคิดว่าคนอื่นโง่ที่สุดในโลกเต็มไปด้วยคิดว่าคนอื่นโง่เต็มไปด้วยคิดว่าคนอื่นคือคนโง่เต็มไปด้วยคิดว่าคนอื่นคือโง่เต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองเต็มไปด้วยฉลาดเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดในโลกเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองคือคนฉลาดเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองคือยอดคนฉลาดเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองฉลาดเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ไอแซคนิวตันกาลิเลโอกาลิเลอีโยฮันเคปเลอร์นิโคลัสโคเปอร์นิคัสอาร์คีมีดีสนิโคล่าเทสล่าเลโอนาร์โด้ดาวินชี่สแตนลีย์คูบริกจูกัดเหลียงวิลเลี่ยมเช็กสเปียร์สุนทรภู่หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าพันล้านเท่าเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองอัจฉริยะกว่าอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ไอแซคนิวตันกาลิเลโอกาลิเลอีโยฮันเคปเลอร์นิโคลัสโคเปอร์นิคัสอาร์คีมีดีสนิโคล่าเทสล่าเลโอนาร์โด้ดาวินชี่สแตนลีย์คูบริกจูกัดเหลียงวิลเลี่ยมเช็กสเปียร์สุนทรภู่หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าพันล้านเท่าเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองคืออัจฉริยะเต็มไปด้วยคิดว่าตัวเองอัจฉริยะโลลิฮิริวตัวน้อยนี้มิใช่ผู้ที่ดีมิใช่คนที่ดีมิใช่ผู้ชายที่ดีมิใช่ชายที่ดีมิใช่ลูกที่ดีมิใช่นักเรียนที่ดีมิใช่แฟนที่ดีมิใช่คู่ครองที่ดีมิใช่สามีที่ดีมิใช่พ่อที่ดีมิใช่เด็กที่ดีมิใช่วัยรุ่นมิใช่ผู้ใหญ่ทีดีมิใช่ข้าราชการที่ดีมิใช่ผู้ตามที่ดีมิใช่หัวหน้าที่ดีมิใช่ผู้นำที่ดีมิใช่ผู้ปฏิบัติที่ดีมิใช่ผู้ทำที่ดีมิใช่ที่ดีโลลิฮิริวตัวน้อยนี้ผูกเชือกรองเท้าไม่เป็นผูกถุงไม่เป็นซักผ้าไม่เป็นล้างจานไม่เป็นหวีผมไม่เป็นกางมุ้งไม่เป็นผูกมุ้งไม่เป็นใส่ที่นอนไม่เป็นใส่หมอนข้างไม่เป็นรัดหนังไม่เป็นผูกเงื่อนไม่เป็นไม่รู้ระบบราชการไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเลือกตั้งไม่เป็นเข้าสังคมไม่เป็นพูดคุยไม่เป็นรักใครไม่เป็นจีบใครไม่เป็นโรแมนติกไม่เป็นเขียนหนังสือไม่เป็นเขียนนิยายไม่เป็นเขียนเรื่องสั้นไม่เป็นเขียนไม่เคยเว้นวรรคเขียนไม่เคยย่อหน้าผูกเชือกไม่เป็นทำกับข้าวไม่เป็นหั่นผักไม่เป็นสับเนื้อไม่เป็นไม่เป็นโล้ไม่เป็นพายผูกเชือกกางเกงไม่เป็นใส่เชือกกางเกงไม่เป็นผูกเชือกไม่เป็นผูกเปลไม่เป็นตามคนไม่ทันคนอื่นพูดอะไรก็ฟังไม่เข้าใจใดๆเรียนไม่เป็นเนียนแย่เรียนกากสอบตกซ้ำชั้นเรียนไม่จบและเป็นคนเรียนไม่จบใช้ไม้ถูพื้นไม่เป็นใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวถูพื้นไม่เป็นกวาดบ้านไม่เป็นไม่รดน้ำต้นไม้ไม่ถางหญ้าพูดไม่เป็นไม่มีปากเด็กพูดไม่รู้เรื่องกลัวดอกพิกุลร่วงเด็กนิสัยเสียนิสัยไม่ดีเด็กสันดานไม่ดีเด็กสันดานเสียสันดานเด็กสันดานไม่เอาอะไรเลยซักอย่างไม่ฝึกอะไรเลยไม่ฝึกเอาแต่ใจเจ้าอารมณ์ตะแบงมิอาจเขียนภาษาไทยได้ดังสุนทรภู่มิอาจเขียนภาษาอังกฤษได้ดังเช็กสเปียร์หารู้ญี่ปุ่นไม่หารู้จีนไม่มิอาจทำหนังได้ดังสแตนลีย์คูบริกมิอาจดนตรีดังบีโทเฟนมิอาจคณิตดังไอแซคนิวตันมิอาจศิลปะดังเลโอนาร์โดดาวินชี่มิอาจนักแสดงดังฮามาดะทัตสึโอมิมิอาจผู้ชายดังฮามาดะทัตสึโอมิมิอาจทำให้บิดามารดาพี่ชายปู่ย่าตายายป้าน้าอาสกุลวงษ์วงษาคณาญาติตระกูลโคตรทั้งปวงภูมิใจได้ไม่เป็นที่อับอายของสกุลวงษ์วงษาคณาญาติตระกูลโคตรทั้งปวงหาเป็นเชื้อสายที่เป็นประโยชน์แด่บิดามารดาพี่ชายปู่ย่าตายายป้าน้าอาสกุลวงษ์วงษาคณาญาติตระกูลโคตรทั้งปวงได้ไม่มิอาจเป็นที่ภาคภูุมิของบิดามารดาพี่ชายปู่ย่าตายายป้าน้าอาสกุลวงษ์วงษาคณาญาติตระกูลโคตรทั้งปวงได้ไม่ได้ไม่มิอาจแบกรับภาระของบิดามารดาพี่ชายปู่ย่าตายายป้าน้าอาสกุลวงษ์วงษาคณาญาติตระกูลโคตรทั้งปวงได้ไม่มิอาจรับผิดชอบบิดามารดาวงษ์วงษาคณาญาติตระกูลโคตรทั้งปวงได้ไม่มิอาจมีครอบครัวได้ไม่มิอาจมีคู่ครองได้ไม่มิอาจมีบุตรได้ไม่มิอาจสู้ตาแลปู่แลพี่เจมส์ที่อยู่บนสวรรค์ได้ไม่มิอาจสู้หน้าวิญญาณปู่ตาแลพี่เจมส์ที่ตายขึ้นสวรรค์ไปแล้วได้ไม่ไม่เป็นทำใดใดไม่ได้เรื่องทำอะไรไม่ได้เรื่องไม่ได้เรื่องทำอะไรไม่เป็นไม่อะไรเลยหลงตัวเองเป็นแต่ด่าอ้าปากก็มีแต่คำด่าน่ารังเกียจน่ารังเกียจไร้ความอดทนหามีความอดทนแต่อย่างใดไม่โลลิฮิริวตัวน้อยนี้เป็นแต่อัตตาสูงเป็นแต่อวดฉลาดเป็นแต่อวดรู้เป็นแต่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปแต่แท้ที่จริงแล้วไร้ฉลาดไร้ปัญญาไร้ความสามารถในทุกด้านในสิ้นเชิงในใดใดในใดมิอาจเป็นคนได้ไม่นี้เป็นจดหมายฉบับแรกของโลลิฮิริวตัวน้อยนี้โลลิฮิริวตัวน้อยนี้จะเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายในวันที่โลลิฮิริวตัวน้อยนี้ต้องจากลา

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

แผน(ปรับปรุง)

 

แผน#2(ปรับปรุง)

เบื้องบนเบื้องล่างไม่ร่วมใจ ✅ ไม่ร่วมเป็น✅ ไม่ร่วมตาย✅ กลัวตาย✅ กลัวอันตราย✅ ใกล้✅ ต่ำ✅ ราบเรียบ✅ กว้าง✅ เป็น✅ ไร้สติปัญญา✅ ไร้ศรัทธา✅ ไร้เมตตา✅ ไร้กล้าหาญ✅ ไร้เข้มงวด✅ ไร้ระบบจัดกำลัง✅ ไร้ระบบยศตำแหน่ง✅ ไร้ระบบพลาธิการ✅ 

ไร้คุณธรรม✅ ไร้สามารถ✅ ฟ้าดินอำนวยครึ่งไม่อำนวยครึ่ง✅ ไร้วินัยเข้มงวด✅ ไร้เข้มแข็ง✅ ไร้ฝึกดี✅ ไร้รางวัลแจ่มชัด✅ ไร้ลงโทษแจ่มชัด✅

ปฏิพัทธิ์ ปิ่นรัตน์ ชนะ19ส่วนครึ่ง แพ้ครึ่งส่วน

-ใช้ความคิดตน -ใช้ทุกอย่างจากคนอื่น -เอาทุกอย่างจากคนอื่น -เอาทุกอย่างจากคนอื่นเท่ากับเรามีไว้อนันต์ -{อุบาย=ขายวัตถุดิบตอบสนองความเห็นแก่ตัวที่ทุกคนต้องใช้ } -{อุบาย=เอาทุกอย่างจากคนอื่นแล้วขายให้เจ้าของ} -น้อยกว่าก็เลี่ยงหนี -ไม่ทัดเทียมก็หลบหลีก -เรารู้ว่าควรรบไม่ควรรบ -เราเข้าใจการรบในภาวะกำลังมากกำลังน้อย -เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน -เราพร้อมรบ -อีกฝ่ายไม่พร้อมรบ -เรามีปัญญา -เราไม่มีใครยุ่งเกี่ยว

พื้นที่→วินิจฉัย=เห็นแก่ตัว→คำนวณ=โง่อวดฉลาดอัตตาสูงตาบอดมองไม่เห็นความจริง กับ เรามีปัญญาไร้อัตตามองเห็นความจริง→ปริมาณ=อีกฝ่ายเห็นแก่ตัว เราไม่เห็นแก่ตัว→เปรียบเทียบ=เห็นแก่ตัว<ไม่เห็นแก่ตัว=เราชนะ

-ตอบสนองความเห็นแก่ตัว -ความจำเป็น(ความเห็นแก่ตัวที่จำเป็น)ของอีกฝ่าย -เรารวมศูนย์-อีกฝ่ายกระจัดกระจาย -แลกผลประโยชน์ให้อีกฝ่ายตอบสนองความเห็นแก่ตัวของตัวเอง

-ยุทธภูมิยื้อแย่งอย่าฝืน -ยุทธภูมิยื้อแย่งเราพึงอ้อมไปหลังข้าศึก -ยุทธภูมิคาบเกี่ยวพึงหนุนเนื่อง -ยุทธภูมิคาบเกี่ยวเราพึงรักษาให้เข้มงวด

-ขั้นสุดท้าย=เสริมให้มั่นคง