วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2568

  

สังคมไทย

"ไม่มีเหตุผลที่จะต้องช่วยมนุษย์ มนุษย์ทำลายโลกตลอดเวลา"
=ก็อตซิลล่า(Ghidorah the three headed monster ฉายปี 1964)
*เพิ่มบาปของคนไทยเข้าไปในอีก1ข้อในโพสต์ฉบับปรับปรุงนี้
สังคมไทยก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากสังคมโง่ๆในหนังที่ตัวร้ายชนะเรื่องsaw เหมือนกับแอปเปิ้ลเน่าที่น่ารังเกียจ เต็มไปด้วยแก๊สพิษแห่งความวิบัติ แก๊สพิษแห่งหายนะ แก๊สพิษแห่งการทำลาย ไม่ได้ทำลายชีวิตสัตว์พืชจุลินทรีย์ชนิดใด ไม่แม้กระทั่งทำลายธรรมชาติแต่ทำลายตัวเอง ทำลายตัวพวกมึงเองนั่นแหละ ญี่ปุ่นโดนระเบิดเคลียร์เปื้อนรังสีถึงสองครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเทคโนโลยี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ต้องพูดถึง"ปัจจัยสี่" ไม่ต้องพูดถึง"ของกิน" ไม่ต้องพูดถึง"ของใช้" (ว่าแต่กูจะแบ่งคำว่า"ของกินของใช้"ออกจากกันทำไม? ทำไมไม่พิมพ์เป็นคำเดียวกัน?) เอาแค่ "ความคิด" "ตรรกะ" "ระบบประมวลผล" ญี่ปุ่นเจริญกว่าไทยเหมือนไทยเป็นร่องลึกสมุทรมาเรียนาส่วนญี่ปุ่นเป็นสถานีอวกาศนานาชาติ(นับเฉพาะภาพรวมของญี่ปุ่นที่ดุจดั่งสาวงามนางไซซีแห่งยุคชุนชิว ความชั่วร้ายในมุมมืดที่เป็นเพียงแค่"เศษส่วน"ของญี่ปุ่นไม่นับ) หรือเพราะว่าชนชาติไทยเราเป็นชนชาติไม่คิดมาก อยู่ไปวันๆ หาเช้ากินค่ำ พอเศรษฐกิจคะมำก็ด่าแหลก ตั้งแต่รัฐบาลยันเพื่อนบ้าน ด่ากราดไปทั่วยกเว้นตนเอง? ทำเป็นตัวเองดีหนักหนาทั้งที่ตัวเองชั่วช้ากว่าคนอื่น รอรัฐบาลสังคมนิยม(สังคมนิยม=ไม่มีใครมีสิทธิ์ในทรัพย์สินใดๆเลยแต่ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล)ถูกกำจัดอำนาจถอนรากถอนโคนตั้งแต่ตัวเบี้ยยันผู้กุมอำนาจสูงสุดผู้เป็นบอสใหญ่จนสิ้นมลายสูญดุจโดนล้างด้วยไฟบรรลัยกัลป์ของพระศิวะเสียก่อนเถิด แล้วรอพระผู้มาโปรดมาดูแลประเทศนี้เสียก่อนเถอะ รอให้ภาษีถูกจนเหมือนโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าภาษี รอให้การศึกษาไทยห้องเรียนหนึ่งห้องผลิตอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ได้ยี่สิบคนโรงเรียนหนึ่งแห่งผลิตอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ได้ห้าพันคนโรงเรียนทั่วทั่งพื้นที่เทพีแห่งปฐพีไกอาผลิตอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ครองโลกนี้ได้ รอให้ประเทศไทยไม่มีภาวะเงินฝืนเงินเฟ้อเงินขาดดุลเงินเกินดุล รอให้เงินบาทไทยมีค่ามากที่สุดในโลกแทนที่จะเป็นสามสิบบาทเท่ากับหนึ่งดอลลาร์กลายเป็นสองล้านล้านดอลลาร์เท่ากับหนึ่งบาทไทยแทน เจริญซะขนาดนั้นแต่พวกมึงทุกคนยังเหมือนเดิมมันจะต่างไปจากยุคนี้ที่รัฐบาลเผด็จการสมบูรณ์ยึดครองแผ่นดินมั๊ย? สามัคคีคล้อยตามเห็นพ้องต้องกันเพียงแค่ชั่วคราวแล้วก็แตกแยกเหมือนเดิมเหมือนประวัติศาสตร์จีน สุดท้ายแล้วพวกมึงทุกคนก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก"ไวรัส"ชั่วร้ายพอกันหรืออาจจะ"ชั่วร้ายน่ารังเกียจน่ากลัวยิ่งกว่าไวรัส"เสียอีก ยึดความคิดตนเป็นใหญ่ ใครเถียงก็ไม่ได้ เหมือนเอาแต่ใจ เคร่งเครียดชอบหยิบโน่นนี่นั่นมาคิดแล้วก็นึกอะไรไม่ออกเลยตีโพยตีพายเหมือนเด็กๆ ใครขัดใจมีเคืองหรือตอบโต้แรงๆเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น ก่อนอื่นก็ขอกล่าวโทษ "บาปในคนไทย"ก่อนแล้วกัน  ราคะ (ละติน: luxuria ลุกซุริอา; อังกฤษ: lust)
การคิดในทางเสื่อม ความต้องการเป็นที่สนใจจากผู้อื่น ความต้องการความเร้าใจ หมกมุ่นทางเพศที่มากจนเกินไป หรือที่ผิดมนุษย์ปกติ ความใคร่ที่เกิดขึ้นในทางทุจริต เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ กับพ่อแม่หรือลูกหลานตัวเอง การข่มขืน การมีชู้ ตะกละ=การสนองความต้องการโดยไม่ยั้งคิด มุ่งร้ายเอาของคนอื่น บริโภคสิ่งต่างๆจนขาดการไตร่ตรอง บริโภคจนมากเกินไป มากจนเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหาร รวมถึงการบริโภคสิ่งๆ ต่างๆ โดยไม่คำนึงสนใจ หรือเห็นใจคนอื่น กินเร็วเกินไป กินแพงเกินไป กินมากเกินไป กินอย่างกระตือรือร้นเกินไป กินอย่างประณีตเกินไป กินอย่างแรงกล้าเกินไป โลภ=ความทะเยอทะยานอันแรงกล้าในการให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงแนวทางหรือคุณธรรมในการได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น โดยไม่แบ่งปันหรือช่วยเหลือผู้อื่น และสามอันสุดท้ายอันดับที่หนึ่งแห่งบาปของคนไทยทั้งมวล(มีสามอันครองอันดับร่วมกัน) อัตตา/โทสะ=ต้องการเป็นผู้ที่มีความสำคัญและอำนาจเหนือผู้อื่นการที่รักตนเองมากจนเกินไป หลงในอำนาจและรูปลักษณ์ของตัวเองความโกรธเคืองและพยาบาทที่ขาดความเหมาะสม การทนรับสภาพในบางสิ่งบางอย่างไม่ได้คนที่มีความโอหังจะสนใจเฉพาะตนเองเท่านั้น ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเป็นเช่นไร กับข้อสุดท้าย "เกียจคร้าน= ความไม่สนใจใยดีต่อการเปลี่ยนแปลง ต่อสิ่งรอบข้าง ใช้เวลาอย่างไร้ค่า ความไม่ต้องการที่จะทำอะไร โดยปล่อยให้ผู้อื่นเป็นผู้ทำงานหนักเพื่อตนเองเท่านั้น การปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเลยที่จะทำดีรวมถึงการละเลยที่จะเคารพต่อพระเจ้าด้วย ผู้ที่เกียจคร้านจะอยู่เฉยๆ รักษาสภาพความเป็นอยู่ของตนเองในภาวะเดิมตลอดเวลา ไม่ทำอะไรมาก แต่ก็ไม่ใช้อะไรมากเช่นกัน แค่ยืนเฉยๆก็พบบาปทุกข้อที่กล่าวมานี้จนหมดสิ้น เต็มไปด้วยคนน่ารังเกียจ ทุกสิ่งทุกอย่างรวมไปถึงชีวิตคนตั้งแต่ชีวิตเด็กเล็กยันชีวิตลูกแมวเป็นของไร้ค่ายกเว้นตัวเองกับเงินสิ่งของของตัวเองที่มีค่ามิอาจประมาณได้ที่ต้องสู้ตายเพียงเพื่อมัน เพื่ออะไรกัน? ทำตัวไร้สาระ สนุกสนานไปกับโต๊ะจีน แม้แต่ชีวิตของลูกแมวก็ถูกทิ้งขว้าง กินแอลกอฮอล์สำมะเลเทเมา วิจารณ์วิพากษ์ติเตียนตำหนินินทาซุบซิบ แส่ยุ่งเสือกเรื่องคนอื่น ชอบสิ่งที่ดูดีทั้งๆที่คิดไปเอง ไม่เชื่อความจริงแต่เชื่อมายากลภาพลวงตา เห็นอะไรก็ตัดสินแล้ววิจารณ์วิพากษ์เตียนติตำหนินินทาซุบซิบ ไม่ชอบเรื่องจริงจังชอบเสือกเรื่องขี้ประติ๋ว มักง่าย เห็นแก่ตัว คนอื่นไม่พูดอะไร คนอื่นไม่ทำอะไร "พอไม่พูดก็พูดว่า'เป็นไบ้ไง'" ด่าเขาแล้วก็โดนเขาใช้กฎหมายข้อหมิ่นประมาทมาเล่นงานโดนค่าเสียหายกันคนละล้าน รักษาภาพผู้ช่วยเหลือมนุษยชาติแบบเดียวกับเล่าปี่แต่ก็ไปช่วยรัฐบาลสังคมนิยม ยุคสงครามเย็นสู้รบกับพวกคอมมิวนิสต์(คอมมิวนิสต์เป็นสาขาหนึ่งของสังคมนิยม)แต่ยุคปัจจุบันรัฐบาลกลับฮุบกลืนยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างของประชาชน ไอ้พวกอยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้ก็น่ารังเกียจเดียดฉันท์ฆ่าคนได้ไม่ลังเลไม่น่าให้มีเงินใช้แม้แต่ยี่สิบห้าสตางค์ไม่น่าให้มีเครื่องบินใช้ไม่น่าให้มีรถใช้น่าเอาเสื้อผ้าหรูๆพวกนั้นไปเผาทิ้งด้วยซ้ำ ในหนังสือเรียนเขียนไว้ซะดิบดีว่าป่าสงวนมีไว้เพื่อรักษาป่าไม้กับสัตว์ป่าให้ไม่สูญพันธุ์ให้คงอยู่สืบไปแต่เข้าไปฆ่าเสือดำ?ตัดไม้สักเอาไปขายด้วยการกระทำที่ผิดกฎหมาย? อุตส่าห์ดังได้เป็นนักร้องอุตส่าห์มีค่ายเพลงเป็นของตัวเองก็โกงค่าตัว ด่ารัฐบาลกันสนุกแต่กูรู้นะว่าสองส่วนห้าของจำนวนคนที่ด่ารัฐบาลมีคนที่ชั่วช้าสามานย์ยิ่งกว่ารัฐบาลห้าพันล้านเท่ารวมอยู่ด้วยอย่าด่ารัฐบาลถ้าตัวเองยังชั่วช้ายิ่งกว่ารัฐบาลห้าพันล้านเท่าหยุดด่ารัฐบาลถ้าตัวเองยังชั่วร้ายกว่ารัฐบาลห้าพันล้านเท่าเลิกด่ารัฐบาลถ้าตัวเองสามานย์ยิ่งกว่ารัฐบาลห้าพันล้านเท่า เลิกด่ารัฐบาลแล้วด่าพวกมึงเองให้ได้ก่อนเลิกโทษรัฐบาลแล้วโทษพวกมึงเองให้ได้ก่อนถ้าพวกมึงยังคงสามานย์ชั่วช้าชั่วร้ายยิ่งกว่ารัฐบาลห้าพันล้านเท่า ต่อให้คนที่ไร้ซึ่งความต้องการทุกอย่างให้แก่ตัวเองแม้กระทั่งอากาศจะหายใจให้ตัวเองแล้งมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมึงทุกคนต้องการให้ดูแลพวกมึงทุกคน แต่พวกมึงทุกคนยังคงชั้นต่ำสถุลไร้สกุลรุนชาติเลวทรามต่ำช้าสามานย์ชั่วร้ายชั่วช้า ถามหน่อยมันจะแตกต่างไปจากกลียุคยุคนี้ที่เรียกว่ายุครัฐบาลมืดเรืองอำนาจหรือ? พวกมึงเองเป็นแบบนี้ไม่แตกต่างไปจากรัฐบาลแต่ก็ยังจะโทษรัฐบาลอย่างเดียวแต่ไม่เคยโทษตัวเอง ตัวพวกมึงเองทำตัวเหมือนรัฐบาลแล้วกูถามหน่อยประเทศไทยมันจะพัฒนามั๊ย? รัฐบาลโกงกินเอารัดเอาเปรียบยึดทุกอย่างไปเป็นของตัวเองประชาชนมักง่ายเห็นแก่ตัวสามานย์ชั่วร้ายชั่วช้าเอาแต่ใจตัวเองกินแอลกอฮอล์สำมะเลเทเมาติเตียนตำหนิวิจารณ์วิพากษ์นินทาซุบซิบเสือกเรื่องคนอื่น กูถามหน่อยชนชั้นล่างสุดของประเทศเป็นแบบนี้กันทั้งหมดแล้วมึงยังหวังพึ่งรัฐบาลอยู่อีกเหรอ?มึงยังหวังว่าจะมีคนดีมาดูแลประเทศและประชาชนอีกเหรอ?มึงยังหวังว่าถ้าเปลี่ยนรัฐบาลแล้วจะมีคนดีช่วยชาติดูแลประเทศและประชาชนทำให้ภาษีถูกมีแต่คนรวยทั่วแผ่นดินไร้ซึ่งคดีอาชญากรรมคดีอาชญากรรม=0ได้อีกหรือ? ไอ้พวกผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. นายอำเภอ อบจ. ทหารทุกตำแหน่งตั้งแต่ตำแหน่งทหารเลวยันตำแหน่งแม่ทัพ รัฐมนตรีทุกกรมทบวงกระทรวง รองนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี มังกรห้าเล็บ(ที่อยู่เหนือพวกนี้นี่อีกที)พวกมึงทุกคนลืมกันไปหมดแล้วใช่มั๊ยว่าก่อนที่พวกมึงจะมีชื่อเรียกด้วยชื่อตำแหน่งนั่นพวกมึงทุกคนเคยเป็นประชาชนมาก่อนบรรพบุรุษพวกมึงเคยเป็นประชาชนเป็นชาวบ้านกากเดนมาก่อน?กูอยู่เท่ากับมึงมึงไม่ได้สูงไปกว่ากูกูไม่ได้อยู่ใต้เท้ามึงและมึงไม่ได้อยู่เหนือหัวกู มึงคิดว่ามึงเป็นผู้สร้างโลกใบนี้หรือ?มึงคิดว่ากูต้องจงรักภักดีต่อมึงตลอดเวลาหรือ?มึงคิดว่ากูต้องทำทุกอย่างให้มึงทำตามที่มึงบอกทำตามที่มึงพูดทำตามที่มึงสั่งทุกอย่างหรือ? ทำไมมึงถึงอยู่เหนือนัก? ทำไมมึงถึงเอารัดเอาเปรียบประชาชน? ทำไมมึงถึงเอาทุกอย่างไปจากประชาชน? ทำไมมึงถึงฆ่าประชาชน? อะไรนะ? ตอนเป็นประชาชนเคยลำบากมาก่อน? อ้อเหรอ ก็เลยพยายามยึดทุกอย่างที่มึงอยากได้ทั้งๆที่ประชาชนคนอื่นก็อยากได้สิ่งที่มึงยึดไปเหมือนกันเนี่ยนะ? น่ารังเกียจ ประวัติศาสตร์ก็น่ารังเกียจ สงครามโลกนี่บอกจังว่าฮิตเลอร์ชั่ว เออ ฮิตเลอร์ชั่ว ใช่ ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว ทำลายล้างชีวิตคนไปมากมาย ใช่ ฮิตเลอร์ชั่ว ญี่ปุ่นฆ่าข่มขืนชาวจีนผู้บริสุทธิ์ อันนี้ก็ชั่ว แต่อเมริกาไม่ใช่คนชั่วเหรอวะ? ไอ้อินทรีหัวขาวตัวน้ำตาลนี่มีดีอะไร? มีดีแค่ประเทศใหญ่กว่า มีดีแค่ประชากรเยอะ มีดีแค่เทคโนโลยีขั้นสูงที่เหนือชั้น เป็นชาติอภิมหาอำนาจ แต่กูถามหน่อยเถอะถ้ามึงไม่มีเทคโนโลยีอะไรซักอย่างมึงจะชนะซุนจื่อ+ซุนปิน+หานซิ่น+กาเซี่ยง+กุยแก+โจโฉ+สุมาอี้ผนึกกำลังทำงานด้วยกันมั๊ย?อเมริกาจะชนะมั๊ย? มีดีแต่ใช้เทคโนโลยีเอาชนะคนอื่น มีแต่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เอาชนะคนอื่น ไอ้ขี้โกง เป็นได้แค่ไอ้ขี้ขลาดตาขาว เป็นได้แค่หมาลอบกัดที่น่ารังเกียจ แม่งไม่กล้าไปสู้กับลิโป้แบบตัวต่อตัว1ต่อ1เลยด้วยซ้ำมั้ง โปรโมทตัวเองงว่าเป็นฮีโร่ พิทักษ์ผู้บริสุทธิ์ในโลกนี้ ส่งทหารไปตะวันออกกลาง มึงพูดความจริงกี่เปอร์เซ็นต์? กูเชื่อมึงได้มากน้อยแค่ไหนว่ามึงพูดความจริงกี่เปอร์เซ็นต์? มึงแน่ใจหรือว่ามึงปฏิบัติการทางทหารเพื่อช่วยเพื่อนร่วมโลกช่วยผู้บริสุทธิ์ช่วยผู้เดือดร้อนไม่ได้เอารัดเอาเปรียบพวกนั้น?ไม่ได้แย่งยึดทุกสิ่งทุกอย่างจากพวกนั้น? ไม่ได้ทำให้พวกนั้นเดือดร้อน? แน่ใจหรือ? กูจะแน่ใจได้แล้วหรือ? เรื่องในโรงเรียนบอกเลยกูไม่เคยคิดเลยว่านั่นคือการเรียนรู้ที่แท้จริง กูไม่เคยคิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว สำหรับกูมันก็แค่การเดินทางไปที่ใหญ่ๆฟังคนแก่พูดพร้อมกับทำการบ้านที่โคตรยาก ทำไม่เสร็จหรือทำไม่ได้หรือถ้าไม่ส่งก็โดนลงโทษสารพัด กลับบ้านแบบโง่ๆ แล้วก็ต้องไปสอบทั้งๆที่กูจำอะไรแทบไม่ได้ ทั้งๆที่กูไม่ชอบอ่านหนังสือก่อนสอบ(และบอกเลยตั้งแต่ป.1ยันกศน.กูอ่านหนังสือก่อนสอบแค่เล่มละ2-3หน้าเท่านั้นแล้วก็เลิก เล่นเกม) เด็กแกล้งกันทุกชั้นเรียนทุกชั้นห้องกูก็เคยโดนและกูก็เคยเห็นเด็กคนอื่นโดนแกล้งด้วย เหยียดเพศทางเลือก แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกรุ่น สู้ก็ไม่ได้เดี๋ยวฟ้องพ่อแม่ปู่ย่าตายายพี่ชายพี่สาวญาติกัลญาณมิตรผู้ปกครอง ครูเรียกขึ้นห้องปกครอง แล้วก็มีเรื่องเพิ่มกับพวกผู้ปกครองมึง แล้วก็มีเรื่องเพิ่มกับครู แต่ถามหน่อยเด็กมันเลิกแกล้งกันมั๊ย? พวกผู้ปกครองมึงนี่ยังกับเทพารักษ์ของมึงเลยนะ เด็กคนอื่นทำอะไรลูกมึงไม่ได้ แต่ลูกมึงทำอะไรกับเด็กคนอื่นก็ได้ พวกมึงทั้งหมดก็น่ารังเกียจเหมือนกันแหละ แด่คนที่ชอบแกล้งคนอื่นกูขอบอกเลยว่าถ้ามึงถูกฆ่าตายกูจะไม่เสียน้ำตาให้มึงกูจะไม่เสียใจให้มึงกูจะไม่สงสารมึง เพราะกูสังเวชมึง ผู้ปกครองของพวกมึงครอบครัวของพวกมึงถ้าสูญเสียมึงกูก็จะไม่สงสารผู้ปกครองของมึงกูก็จะไม่สงสารครอบครัวของมึง เพราะกูสังเวชผู้ปกครองของมึง เพราะกูสังเวชครอบครัวของมึง อย่างที่บอกคนอื่นทำอะไรลูกพวกมึงไม่ได้ แต่ลูกพวกมึงทำอะไรกับใครก็ได้ น่าสังเวช พวกมึงก็น่ารังเกียจ พวกมึงทุกคนนั่นแหละ เด็กแกล้งกันตลอดเวลาก็ไม่ได้แก้ปัญหาถาวรมีดีแต่แก้ปัญหาชั่วคราวแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม เป็นจ่าเฉยเหรอ? คนที่โดนแกล้งจะทำอะไรก็ไม่ได้เหมือนคนที่โดนแกล้งเป็นคนชั่ว พวกมึงไม่มีดีอะไรซักอย่าง การลงโทษก็เหมือนกัน มีแต่ความรุนแรง ใช้สารสสารวัตถุสิ่งของฟาดตี ทุบตบดี ด่า กูถามจริงๆเถอะว่ามึงลงโทษไปทำไม? มึงลงโทษไปเพื่ออะไร? กูถามหน่อยเถอะการลงโทษมันสร้างคนดีได้เหรอวะ? หรือเป็นการสร้างความโกรธแค้นในความมืด? แล้วทำให้พวกมึงโดนสงครามละเลงเลือดล้างแค้นในภายหลัง? เห็นแก่ตัว กูอยากได้อะไรกูต้องได้ กูใช้ใครให้ทำอะไร ต้องทำให้กู คนไทยเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก ไม่มีใครเทียบเทียมได้ นี่ก็มีเหตุผลมากพอให้กูฆ่าพวกมึงทุกคนเหมือนกัน
การออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นๆเช่นยิงปืนขี่ม้าหรือเดินนั้นเป็นปัญหาสำหรับคนเหล่านี้เพราะเป็นการเกินความสามารถของเขา[{("'และที่สำคัญก็คือถ้าใครออกไปเดินเล่นคราวละครึ่งไมล์ก็จะถูกหาว่าเป็นบ้า'")}]ทั้งๆที่เขามีอย่างอื่นที่จะทำได้ดีกว่าเช่นพายเรือในระยะทางที่เท่าๆกันแล้วนั่งสบายๆอยู่ในเรือ
                                                                                   เฟรริค อาเธอร์ นีล(Narrative of a Residence in Siam)
แหม คนไทยนี่น่ารังเกียจมาตั้งแต่ยุคโบราณ อย่างที่บอกว่าคนไทยเป็นคนขี้เสือก ชอบสาระแน ชอบสอดรู้สอดเห็นไปทั่ว ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ด่ากราดใส่คนอื่นโดยที่ไม่เคยด่าตัวเอง วันๆเอาแต่เสือกเรื่องชาวบ้าน วันๆเอาแต่นินทาชาวบ้าน วันๆเอาแต่วิจารณ์ชาวบ้าน วันๆเอาแต่วิพากษ์ชาวบ้าน วันๆเอาแต่นินทาชาวบ้าน วันๆเอาแต่ซุบซิบชาวบ้าน นึกถึง1ใน3บาปหนักสุดของคนไทยข้อ "เกียจคร้าน" ไว้ไอ้โง่ วันๆไม่ทำอะไร คนไทยล้วนแต่ขี้เกียจ ถ้าเงินไม่ใช่ปัจจัยที่5ของชีวิตคนไทยไม่ทำงานอะไรกันหรอก กูอยากจะฆ่าคนไทยให้หมดทั้งประเทศด้วยซ้ำ เพราะฆ่าไปก็เหมือนไม่ได้ ฆ่าไปก็เหมือนพยายามฆ่าศพ ประเทศเป็นประเดียวในโลกที่คนข้างชาติเป็นศพ กูไม่เคยมองว่าประเทศนี้มีคนเป็นอยู่เลย มีแต่ศพเต็มไปหมด คนไทยขี้เกียจสันหลังยาว แล้วก็นินทาชาวบ้านเขาไปทั่ว คนไทยทุกคนล้วนแต่มองว่าคนที่นอนทั้งวันไม่ทำอะไรเลยเป็นคนปกติ คนที่ทำทุกอย่างเต็มที่เป็นคนบ้า ความคิดชั่วช้าชั่วร้ายแบบนี้มีน้ำหนักมากพอให้กูฆ่าพวกมึงได้แล้วหรือยัง? ถ้าไม่มีระบบเงินตราคนไทยทุกคนก็ไม่ทำงานกันหรอก คนไทยทุกคนเอาแต่นอนอย่างเดียว การประท้วงรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยเป็นหลักฐานยืนยันชั้นดีว่าคนไทยขี้เกียจ คนไทยขี้เกียจสันหลังยาว คนไทยสามานย์ชั่วร้ายชั่วช้า งอมืองอตีน ปล่อยให้รัฐบาลทำอย่างเดียวตัวเองไม่ทำ เลิกประท้วงรัฐบาลถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกด่ารัฐบาลถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกไล่รัฐบาลถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกเปลี่ยนแปลงรัฐบาลถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกไปม็อบถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกต่อต้านรัฐบาลถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกต้านรัฐบาลถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกไปม็อบต่อต้านรัฐบาลถ้าพวกมึงทุกคนยังเป็นแบบนี้อยู่ เลิกไปม็อบต้านรัฐบาลถ้าพวกมึงยังเป็นแบบนี้อยู่ หรือถ้าไม่ต่อต้านรัฐบาลและเข้าร่วมรัฐบาลพวกมึงทุกคนควรสำเหนียกตัวเองได้แล้วนะว่าพวกมึงถูกเกลียดมากขนาดไหน ต่อให้พวกมึงทุกคนเป็นกลาง พวกมึงทุกคนก็โดนกูเกลียด กูจะล้างแค้นพวกมึงทุกคนให้ดูเป็นขวัญตาเอง เอาแต่บ่นว่าNew Normalมันไม่ปกติ แล้วสิ่งที่พวกมึงทุกคนทำก่อนหน้าโควิดจะมามันปกติมากมั้ง เอาแต่พูดว่า"มึงมันผิดปกติ"แล้วพวกมึงทุกคนปกติมากมั้ง ตอนแรกกูว่าจะสั่งสอนพวกมึง ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้ว สั่งสอนไปก็โง่มากกว่าเดิมมีแต่เข้าข้างตัวเอง เหมือนกับสั่งสอนเด็กที่แกล้งเด็กอื่นสั่งสอนไปก็มีแต่จะแกล้งหนักขึ้นมากกว่าสั่งสอนไปก็มีแต่โกรธแค้น   พอมึงทำผิด มึงก็โทษรัฐบาล
พอมึงทำผิด มึงก็โทษพ่อ
พอมึงมำผิด มึงก็โทษแม่
พอมึงทำผิด มึงก็โทษเมียน้อย
พอมึงทำผิด มึงก็โทษเพื่อน
พอมึงทำผิด มึงก็โทษลูก
มึงไม่โทษตัวเองเลย
มึงเป็นควยอะไร? มึงเป็นเหี้ยอะไร? แหม่ แต่ก็ดี เพราะมีผลพลอยได้ที่กูจะได้ล้างแค้นคนที่แกล้งกูด้วยตั้งแต่เพื่อนสมัยประถมยันเพื่อนสมัยมัธยม ในเมื่อมึงเป็นขยะกูก็จะเอามึงไปทิ้งเอง กูขอประกาศเจตนารมณ์ล้างแค้นนับแต่นี้เป็นต้นไป
ปล.กูไม่ได้เก่งอะไรหรอกนะ สัตว์อัญมณีกูยังแพ้เด็คบลูอายส์ไวท์ดราก้อนเลย 
(ส่วนในรูปคือตอนกูแพ้เด็คsalamangreat)


วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568

 พื้นหลัง→ปฏิบัติการ→จอห์นนี่ ดาร์กเนสขัดขวาง→ความจริงถูกเปิดเผย→เปิดตัวจอห์นนี่ ดาร์กเนส

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568

    อุบายฮิริว

1.เล่นละครตบตารับบทเป็นเหยื่อ

2.ส่งคนเข้าไปแฝงตัวซื้อตัวคนใน แล้วจัดการทำให้อีกฝ่ายระแวงกันเอง ตั้งวงซุบซิบนินทา ปล่อยข่าวลือ ปล่อยข้อมูลปลอม ปล่อยข่าวปลอม สร้างหลักฐานปลอม สร้างสถานการณ์ปลอม ทำให้อีกฝ่ายสงสัยระแวงกันเอง ปล่อยข้อมูลให้อีกฝ่ายขัดแย้งกันเอง ระแวงกันเอง สงสัยกันเองเข้าไปในฐานข้อมูลของAI

3.เปิดเผยจริงใจตรงไปตรงมา ไม่ปกปิดแอบแฝง แสดงตัวจริงของตัวเองออกมา ยอมให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัว ยอมให้เข้าถึงตัวได้ง่าย

4.กลสาวงาม 4.1.ชู้สาว 4.2.ความขัดแย้งในครอบครัว 4.3.ความขัดแย้งทั้งตระกูล 4.4.ความขัดแย้งกับพวกเดียวกันเอง 4.5.ปัญหาเรื่องเงิน 4.6.ปัญหาเรื่องลูกหลาน 4.7.ความรุนแรงในครอบครัว, ตระกูล, พวกเดียวกัน, เพื่อน, ความขัดแย้งของลูกหลานกับเพื่อนของลูกหลาน 4.8.ปัญหาอาชญากรรม

5.ควบคุมจิตใจมนุษย์ทุกคน ควบคุมจิตใจผู้มีอำนาจ ควบคุมจิตใจผู้ดูและระบบ

6.สร้างสถานการณ์ลวงว่าเราเหนือกว่า มีอำนาจมากกว่า ฉลาดกว่า ทำลายล้างกว่า ประสบความสำเร็จกว่า

7.จงใจให้อีกฝ่ายจับเราได้ในกับดักที่เราวางไว้ล่วงหน้า

8.รับบทเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย

9.เชือดไก่ให้ลิงดู(เป้าหมายของการเชือดไก่คือระบบ)

10.ใช้แผนหลายแผน ดำเนินแผนแต่ละแผนสลับกันไปมาให้อีกฝ่ายสับสน

11.ยืมมือคนที่ลำบาก ใช้คนที่ลำบากเป็นหมาก ใช้คนที่ลำบากดำเนินแผนให้เรา

12.เผยแพร่ความคิดของเรา ประกาศหาคนที่มีความคิดตรงกัน บนออนไลน์ เพื่อเป็นพันธมิตรดำเนินแผนการ

13.ทำลายส่วนประกอบองค์ประกอบที่เล็กที่สุดของระบบ

14.สร้างสถานการณ์ลวงว่าเรายังอยู่ในสถานที่เดิม ส่วนเราปลอมตัวออกจากสถานที่นั้นไปนานแล้ว ให้ทำวิธีนี้ตลอดเวลา

15.ทำให้ระบบวุ่นวาย

16.ทำลายสิ่งที่เป็นกุญแจ,หัวใจสำคัญ,หลักการสำคัญ,กลไกสำคัญ,สิ่งที่ดูแลระบบ

17.ทำลายศูนย์กลางอำนาจของระบบ

18.สร้างเหยื่อหลอกล่อให้ระบบเบนไปจากเราตัวจริง

19.ทุกครั้งที่ดำเนินแผนทำลายระบบ ให้เว้นช่วงไว้ช่วงหนึ่ง ไม่ควรดำเนินแผนติดต่อกันเกินไป

20.อ่อยเหยื่อในที่ๆเราวางกับดักไว้

21.หลอกล่อคนจน คนลำบาก คนยากไร้ คนเร่ร่อน คนไร้ทรัพย์ คนไร้ปัจจัยในการดำรงชีพ ให้ดำเนินแผนการโดยหลอกล่อพวกเขาด้วยสิ่งที่พวกเขาต้องการ

22.สังเกตการณ์ตัวระบบ รวบรวมข่าวสาร,ข้อมูลของระบบและความเป็นไปของมันจากทุกอย่างที่หาได้

23.เมื่อมีโอกาสในการโจมตีระบบ ให้โจมตีทันที

24.หากมีความเสี่ยง ให้ยกเลิกแผนทำลายระบบชั่วคราว

25.แสดงออก,พูด,ทำแบบที่คนทั่วไปทำกัน แต่ซ่อนทุกอย่างที่เตรียมไว้ใช้ทำลายระบบภายใต้การแสดงออก,พูด,ทำแบบที่คนทั่วไปทำกัน

26.เมื่อระบบเกิดความวุ่นวาย ให้รอดูสถานการณ์

27.สร้างสถานการณ์ลวงว่าเราจะทำลายระบบด้วยวิธีหนึ่งแต่ความจริงแล้วเราจะทำลายระบบด้วยวิธีอื่น

28.เลียนแบบนิทานเด็กเลี้ยงแกะ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าแผนทำลายระบบเป็นเรื่องโกหก เมื่อได้โอกาสจึงลงมือทำตามแผนทำลายระบบ

29.ลงมือแผนทำลายระบบในทุกโครงสร้าง,องค์ประกอบ,ส่วนประกอบของระบบทั้งระบบพร้อมกันในคราวเดียวและดำเนินแผนทุกแผนที่วางไว้พร้อมกัน

30.เมื่อระบบเริ่มล่มสลาย ให้ทุกคนฉวยโอกาสทำลายระบบจนกว่ามันจะถูกทำลายทั้งหมด

31.เมื่อระบบไม่สามารถต้านทานได้ ทำลายทุกระบบบนโลกใบนี้

32.ขโมยทุกอย่างที่ใช้ทำลายระบบได้มาใช้

33.ทำลายสิ่งที่สำคัญที่ระบบต้องมีและคนในระบบต้องช่วยให้หมด

34.แทรกซึมแผนทำลายระบบเข้าไปในระบบแล้วให้ระบบทำลายตัวเอง

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568

 ชีวิตจิตใจนั้นเป็นรากฐานแห่งมนุษย์  

ความปรารถนาเป็นประโยชน์ต่อการดำรงอยู่  

เมื่อธำรงรากฐานและเสริมประโยชน์ได้สมบูรณ์แล้ว  

สิ่งสำคัญยิ่งยวดมิเกินไปกว่าเครื่องนุ่งห่มและอาหาร  


เมื่อปัจจัยพื้นฐานอุดมสมบูรณ์  

ความปรีดาย่อมบังเกิดไม่สิ้นสุด  

ความสุขอันเลิศล้ำนั้นแฝงอยู่ในวิถีแห่งสามีภรรยา  

สอดคล้องกับธรรมชาติแห่งเพศภาวะ  


ส่วนยศถาบรรดาศักดิ์และชื่อเสียงทั้งปวง  

กลับเป็นสิ่งรองที่มนุษย์ไขว่คว้า  

การก่อร่างสร้างสรรค์ต่าง ๆ ล้วนตั้งต้นจากพื้นฐานนี้  

ดังฟ้าดินประสานจึงเกิดความสมดุล  

หยินหยางประสานจึงเกิดความกลมเกลียว  


แม้แต่อรรถาจารย์จ้งนี้นับว่าการสมรสเป็นสิ่งสำคัญ  

กวีเอกยังประพันธ์บทกลอนสรรเสริญความอุดมสมบูรณ์  

เมื่อสืบสาวถึงต้นตอแห่งสรรพสิ่ง  

ย่อมวนเวียนอยู่กับหลักการนี้  


จึงขอนำเสนอแนวคิดแห่งวิถีมนุษย์  

ทั้งรูปธรรมและนามธรรม  

ประมวลไว้ด้วยถ้อยคำอันประณีต  

ตั้งแต่ยามเยาว์วัยจวบจนวาระสุดท้าย  


แม้จะดูเป็นเรื่องสามัญ  

แต่แฝงไว้ซึ่งสัจธรรมอันล้ำค่า  

สมควรเรียกขานว่าบทบรรเลงแห่งความสุขแท้  

โดยรักษาสำนวนเดิมไว้ตามสมควร  

เพื่อมิให้เสียความหมายดั้งเดิม  

เมื่อสรรพสิ่งเริ่มแยกแย้งหยินหยาง  

เตาชุบชีวิตหลอมหล่อรูปทรง  

หลอมความแข็งแกร่งเป็นพลังชาย  

หล่อความอ่อนโยนเป็นธาตุหญิง  


ประดุจช่างฝีมือรังสรรค์สองสภาวะ  

ให้สมดุลแห่งฟ้าดินดำเนินไป  

ฝ่ายหนึ่งสถิตด้วยหลักการอันเด็ดเดี่ยว  

อีกส่วนประสานด้วยความนุ่มนวลสมวัย  


ตั้งแต่เยาว์วัยแห่งการก่อร่าง  

ดุจดอกไม้พราวน้ำค้างแย้มกลีบ  

เมื่อกาลเวลาผันผ่าน  

ความเปลี่ยนแปลงทางสรีระปรากฏ  


วัยเจริญพันธุ์ชโลมด้วยความสดใส  

ชายหนุ่มสง่างามเปรียบเทพบุตร  

หญิงสาวงามละมุนดุจเทพธิดา  

ผิวพรรณผุดผ่องดุจหิมะร่วง  


เมื่อถึงวัยอันควร  

พิธีวิวาห์จึงเริ่มขึ้น  

ตามครรลองประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์  

สองตระกูลประสานสัมพันธ์  


ในค่ำคืนอันงดงามแห่งพิธีกรรม  

เมื่อเครื่องประดับหมั้นประดับกาย  

ความบริสุทธิ์แห่งจิตใจปรากฏ  

สัมผัสแห่งไมตรีจิตประสานส่ง  


การประสานพลังหยินหยางดำเนินไป  

ตามครรลองธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์  

พลังชีวิตหลั่งไหลประหนึ่งธารา  

นำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนผล  


การรวมเป็นหนึ่งเดียวนี้  

คือพื้นฐานแห่งการสืบทอดชีวิต  

ตามหลักการสมดุลสากล  

ที่สรรพสิ่งล้วนอาศัยเป็นรากฐาน  

เมื่อสุรีย์ส่องค้างคาวกาล  

ปรัชญาสรรพะล้ำลึกถักทอ  

ศึกษาคัมภีร์หยินหยางโบราณ  

ถอดรหัสความสมานฉันท์แห่งสากล  


ในรัตติกาลอันวิเวก  

องค์หญิงร่ายรำท่วงทีพริ้ง  

ชายะอ่อนช้อยประดุจสายลม  

ร่ายรำประสานจังหวะจักรวาล  


การเคลื่อนไหวพริ้วไหวดุจคลื่น  

สัมผัสละเมียดประหนึ่งละอองจันทร์  

สัมพันธ์ฉันท์พลังคู่สลายัปราณ  

ประหนึ่งธารหลอมรวมสู่มหาสมุทร  


เมื่อฟ้าดินประสานจังหวะ  

อุบัติคลื่นชีพจรสลายัปราณ  

พลังหยางร่ายรำประดุจสุริยัน  

พลังหยินแผ่วพริ้วดุจจันทรา  


ท่วงท่าประสานดุจพิณสายเอก  

จังหวะเคลื่อนคล้อยประสานสามัคคี  

บางคราแผ่วบางประดุจสายหมอก  

บางขณะพลิ้วไหวดุจพายุพัด  


เมื่อพลังทั้งสองหลอมรวม  

ประหนึ่งเมล็ดพันธุ์งอกงามในธรณี  

หยาดชีพหลั่งไหลประหนึ่งธารา  

บังเกิดความอุดมในพสุธา  


ครั้นสิ้นสุดการร่ายรำแห่งสากล  

พลังคู่กลับสู่ความสงบนิ่ง  

ประดุจสายลมหยุดพัด  

ดุจแสงจันทร์ทอประกายบนผืนน้ำ  


องค์หญิงประทับทรงเครื่องอลังการ  

ฟื้นฟูพลังด้วยสุคันธลักษณ์  

ประดุจดอกบัวแย้มกลีบรับอรุณ  

ร่ายรำแห่งชีวิตเริ่มบทใหม่  

หญิงงามเลอโฉมผู้ร่ายรำ  

ท่วงท่าเชิญชวนดุจสายลมอ่อน  

เน้นสายตาอันเร้นลับคิ้วโก่ง弓  

รอยยิ้มดุจละอองจันทร์เรืองรอง  


มุกมังกรแวววาวใต้กลีบบัว  

ตุ้มหูมณีสะท้อนแสงไพลิน  

ย่างกรายดุจเมฆาเคลื่อนคล้อย  

วาจาไพเราะประดุจพิณทอง  


มวยผมสูงสง่าดุจเจดีย์  

ชายผ้าแพรวพราวราวปีกนกยูง  

กายาโอนเอวประดุจกิ่งไทรใหญ่  

เสียงขับขานสั่นสะท้านเวหา  


เมื่อรัศมีสุริยะสาดส่อง  

ใต้บัญชรแห่งปัญญาอันกระจ่าง  

ปลดปล่อยเครื่องประดับแห่งโลกีย์  

เข้าสู่ภาวะอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง  


ประสานพลังหยินหยางตามครรลอง  

ร่ายรำดุจมังกรเลื้อยพันเกี่ยว  

สัมผัสแห่งจักรวาลประสานจังหวะ  

ดวงตาเบิกบานรับรู้สัจธรรม  


สัมพันธ์ฉันท์พี่น้องในสากล  

หลอมรวมสัปปายะแห่งชีวิต  

ปฏิบัติตามวิถีเต๋าอันล้ำลึก  

ธำรงพลังหยินหยางให้สมดุล  


เมื่อจบพิธีกรรมแห่งจักรวาล  

เปล่งประกายชีวิตราวอัญมณี  

ฟื้นฟูเรือนกายาด้วยสุคนธ์  

ประดับองค์ใหม่ราวเทพธิดา  

**วสันตฤดู**  

เมื่อสายลมพัดปลุกพยับพลับ  

ชายหญิงร่มรื่นใต้ร่มครึ้ม  

รอยยิ้มอ่อนหวานประดุจตูมบัว  

มือประสานระคนความอ่อนน้อม  


เรือนร่างโอนเอวประหนึ่งกิ่งหลิว  

ชายผ้าโบกพลิ้วดุจปีกนกเค้าแมว  

เมฆาแปรปรวนในห้องสรีรม่าน  

กลิ่นจันทร์เจือละอองสุคันธ์เร้น  


**คิมหันตฤดู**  

เรือนไม้แจ่มจรัสด้วยแสงทอง  

เงาไม้เต้นรำบนพื้นศิลา  

สายน้ำพลิ้วไหวประหนึ่งแพรไหม  

สองสภาวะประสานเป็นเอกา  


ชายหญิงร่ายรำใต้ร่มพฤกษ์  

พัดวีชนีไล่คลายร้อนรน  

ฝีมือประดิษฐ์ดอกไม้ประดิษฐ์  

ดุจหงส์คู่ร่อนบนเวหาขจร  


**สารทฤดู**  

ใบไม้ทองร่วงโรยรอบเรือน  

สายลมพลิ้วพริ้วเพรียบพริ้งพราย  

ผ้าทอปักลายหงส์คู่รำ  

แสงจันทร์ทอประทีปให้คลายหนาว  


สายพิณบรรเลงบทสามัคคี  

สุคนธ์หอมระรื่นชื่นฤทัย  

สองดวงจิตประสานเป็นหนึ่งเดียว  

ประดุจสายน้ำหลอมรวมสู่ไพร  


**เหมันตฤดู**  

เรือนเร้น Warmth สุขุมาล  

ผ้าห่มลายหงส์คลุมกายา  

แสงเทียนสาดส่องประดุจดาว  

ความอบอุ่นซ่านซ่านไม่รู้คลาย  


แก้วมณีเรืองรองในม่านหมอก  

ชายหญิงประคองสุราพระร่วง  

ความรักร้อนแรงประหนึ่งไฟ  

ละลายน้ำแข็งแห่งกาลเวลา  


**บทส่งท้าย**  

สี่ฤท่วงทีแห่งสามัคคี  

ประดุจดอกบานไม่รู้โรย  

ความผูกพันดุจทางเดินเก่า  

ที่กาลเวลาไม่อาจทำลาย  


เมื่อกาลเวลาร่วงโรย  

สายธารีแห่งชีวิตก็ซาลง  

แม้เรือนร่างร่วงโรยตามวัย  

แต่ดวงจิตยังปรารถนาความสมานฉันท์  


ราชสำนักอันโอ่อ่า  

ขบวนริ้วหรี่จารึกประวัติศาสตร์  

ดนตรีบรรเลงบทสรรเสริญ  

เครื่องเซ่นสังเวยจากนานาประเทศ  


ภายใต้แสงประทีปทอง  

ศิลปินร่ายรำบทกวี  

ความงามแห่งวัฒนธรรมเจิดจรัส  

ประหนึ่งพู่กันวาดลงบนม่านไหม  


**สี่ฤดูแห่งวิถีมนุษย์**  

ความผูกพันฉันท์สายน้ำไหล  

ไม่อาจตัดขาดด้วยหิมะหนาว  

ความอบอุ่นซ่านซ่านในเรือนหิน  

ประดุจแสงเทียนท่ามกลางม่านหมอก  


**ความว้าเหว่แห่งปัจเจก**  

ดวงจิตไร้ที่พึ่งพิง  

เร่ร่อนในความฝันอันมืดมน  

แสวงหาความหมายแห่งการมีอยู่  

ท่ามกลางทางเดินที่เต็มไปด้วยเงาร้าง  


**พลังชีวิตกับกฎเกณฑ์สังคม**  

บางคราวความปรารถนาก็ปะทะ  

กับกำแพงแห่งจารีตประเพณี  

ความขัดแย้งระหว่างธรรมชาติกับวัฒนธรรม  

เป็นบทเพลงไม่มีที่สิ้นสุด  


แม้แต่ผู้ทรงภูมิปัญญา  

ยังต้องเผชิญความซับซ้อนแห่งจิตใจ  

พระภิกษุผู้แสวงหาธรรม  

ก็มิอาจหลีกเลี่ยงความปรารถนามนุษย์  


**ภาพสะท้อนสังคม**  

ชาวบ้านผู้ยากจน  

ใช้แรงกายสร้างสมชีวิต  

ใบหน้าที่หยาบกร้านด้วยลมฝน  

แต่หัวใจบริสุทธิ์ดุจธารา  


**บทสรุปแห่งกาลเวลา**  

ทุกสรรพชีวิตล้วนเป็นส่วนหนึ่ง  

ของจิ๊กซอว์แห่งจักรวาล  

ความรัก ความปรารถนา และความฝัน  

ต่างร้อยรัดเป็นโซ่แห่งอารยธรรม  

https://zh.m.wikisource.org/zh-hans/%E5%A4%A9%E5%9C%B0%E9%99%B0%E9%99%BD%E4%BA%A4%E6%AD%A1%E5%A4%A7%E6%A8%82%E8%B3%A6